‘ธนดล’ โวยรอ 40 นาที ไม่ได้เข้า ชี้แจง กมธ.แทน ‘ร.อ.ธรรมนัส‘
‘ธนดล’ โวยรอ 40 นาที ไม่ได้เข้าชี้แจง กมธ.แทน ‘ร.อ.ธรรมนัส’ ท้า ‘โรม’ แจ้งความ-เปิดหลักฐาน ‘เบน สมิธ’ เป็นคอลเซ็นเตอร์ ยันเป็นคนละคนกับที่อภิปราย ไร้กังวลเป็นทนายความให้เบน สมิธ บอกไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย
วันนี้ (9 ต.ค. 68) นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ทีมที่ปรึกษาของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ สภาผู้แทนราษฎร กรณีมีความสัมพันธ์กับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ นายเบน สมิธ
นายธนดล ระบุว่า ตนเองได้รับมอบหมายจากร้อยเอกธรรมนัส ให้มาชี้แจงถึงความสัมพันธ์ระหว่างร้อยเอกธรรมนัส กับ นายเบน สมิธ โดยได้รออยู่หน้าห้องประชุม กมธ. เกือบ 40 นาที แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมาธิการให้เข้าไปในห้องแต่อย่างใด ซึ่งนายธนดล ได้พูดเชิงตัดพ้อว่า “ทำไมไม่ให้ผมเข้าไปชี้แจง การทำงานของคณะกรรมาธิการทำแบบนี้หรือ ผมเองจะไปแจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. พรรคไทยก้าวหน้า ได้เดินผ่านมาและกระซิบกับนายธนดล ประมาณ 2-3 นาที ซึ่งนายธนดล บอกกับสื่อว่าแค่มาให้กำลังใจกันเฉย ๆ
จากนั้นนายธนดล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 มีหนังสือเชิญร้อยเอกธรรมนัส ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับนายเบน สมิธ แต่ร้อยเอกธรรมนัสได้มอบหมายให้ตนเองเข้ามาชี้แจงแทนในทุกเรื่อง ทุกประเด็น แต่รออยู่ 40 นาทีไม่มีเจ้าหน้าที่มาติดต่อเลยว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร และตนเองจะรอจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาติดต่อ แต่ถ้าไม่ให้เราชี้แจงก็น่าจะให้เราได้เข้าไปใน กมธ. และบอกว่าไม่ให้ชี้แจงด้วยเหตุผลอะไร ประเด็นกฎระเบียบหรือมติของกรรมาธิการเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครมาติดต่อเลย
เมื่อถามว่าหนังสือเชิญต้องการให้เจ้าตัวมาตอบเองเท่านั้น นายธนดล กล่าวว่า มีพระราชบัญญัติอำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ในกรณีที่จะเชิญรัฐมนตรีต้องทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีด้วย จึงขอถามว่าการเรียกร้อยเอกธรรมนัสเรียกในฐานะบุคคลหรือเรียกในฐานะรัฐมนตรี ถ้าเรียกในฐานะรองนายกฯ และรัฐมนตรี ก็ต้องถามว่าได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยัง ในกฎหมายยังบอกว่าถ้าเจ้าตัวที่ได้รับการเชิญไม่สามารถมาได้ก็สามารถส่งตัวแทนมาได้ ซึ่งตนปฏิบัติตามกฎหมาย

ส่วนการเรียกร้อยเอกธรรมนัสมาในครั้งนี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับนายเบน สมิธ จึงต้องมาชี้แจงเองนั้น นายธนดล กล่าวว่า ร้อยเอกธรรมนัสไม่ได้มาชี้แจงเนื่องจากติดภารกิจลงพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดนครสวรรค์อำเภอชุมแสง ต้องลงไปดูชาวบ้านก่อน จึงมอบหมายให้ตนมาเป็นตัวแทนในการชี้แจง เพราะฉะนั้นตนทำตามกฎหมาย ตนเองอยู่ใน 2 สถานะ คือ ได้รับมอบอำนาจจากนายเบน สมิธ ให้ดำเนินคดีกับนายรังสิมันต์ฐานหมิ่นประมาท และเป็นคณะที่ปรึกษาของร้อยเอกธรรมนัส ซึ่งตนมาในฐานะที่ 2 และรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายเบน สมิธ และร้อยเอกธรรมนัสเป็นอย่างดี ในหนังสือเชิญได้เชิญร้อยเอกธรรมนัสตามกฎหมายอำนาจเรียก ซึ่งหากเจ้าตัวไม่สะดวกก็สามารถส่งตัวแทนได้ จึงตั้งคำถามไปยังกรรมาธิการว่ามีบรรทัดฐานแบบนี้ใช่หรือไม่ ถ้าเรียกนายกฯ แล้วนายกฯ ไม่ว่าง มอบคนอื่นไม่ได้ใช่หรือไม่ ตอนนี้ในการเรียกใช้อะไรเป็นบรรทัดฐาน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากหนังสือเรียกเชิญตัวบุคคลคือร้อยเอกธรรมนัสไม่ใช่ในตำแหน่งรัฐมนตรี เราจะสามารถเข้าไปชี้แจงได้หรือไม่ นายธนดล กล่าวว่า ต้องดูในหนังสือว่าเชิญในฐานะอะไร ถ้าเชิญตัวบุคคลร้อยเอกธรรมนัสก็ต้องมาหรือมอบตัวแทนก็ได้ แต่วันนี้เชิญร้อยเอกธรรมนัสในฐานะรัฐมนตรี
ทั้งนี้หากมีการเชิญครั้งที่ 2 ร้อยเอกธรรมนัสจะต้องมาเองหรือไม่ เพราะ กมธ.ไม่รับฟังผู้ที่มาชี้แจงแทน นายธนดล ยืนยันว่า ทุกอย่างปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนการเลือกของกรรมาธิการก็เป็นอำนาจ เราจะมาหรือไม่มาก็ชี้แจงเป็นหนังสือหรือมอบหมายบุคคลก็ได้ จะรับหรือไม่รับก็เป็นเรื่องของ กมธ.
สำหรับข้อมูลในวันนี้ ตนเองมีทุกอย่างครบทุกประเด็นว่านายเบน สมิธ เป็นใครทำอะไร ทำไมถึงมาอยู่ประเทศไทย พร้อมตอบทุกคำถาม ยืนยันว่านายเบน สมิธ คนที่นายรังสิมันต์หมายถึงกับเบน สมิธ ที่รู้จักกับร้อยเอกธรรมนัส เป็นคนละคนกัน ตนเองไปดูหลักฐานมาหมดแล้ว ยืนยันว่าเป็นคนละคนกันร้อยเปอร์เซ็นต์
“กลต. เมื่อปี 62 พบว่านายเบนจามิน เบอร์เจอร์ ได้กระทำความผิดขายหุ้นบริษัทเทียนเทียน แล้วทำหนังสือไปถึงกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กอง 3 แล้วมาพบทีหลังว่าคนที่ขายหุ้นใช้ชื่อปลอมชื่อจริง มิสเตอร์นี้ ๆ แต่ผมยังไม่พูดเพราะผมจะไปสู้ที่ศาลเท่านั้นเองคนละคนแน่นอนยืนยัน ผมเห็นกับตาด้วยตัวของผมแล้ว ผมยืนยันเลยว่าเบน สมิธ เป็นคนละคนกับที่คุณโรมพูดยืนยัน ผมเอาชื่อเสียงรับประกันเลย เพราะผมเห็นกับตาแล้วว่าเป็นคนละคนอย่างแน่นอน แล้วตอนนี้ก็ถูกดำเนินคดีไปแล้ว แล้วคนที่ถูกดำเนินคดีไม่ใช่เบนจามิน เบอร์เจอร์ ด้วย แต่ผมยังไม่พูด เพราะจะรอไปชี้แจงในกรรมาธิการ” นายธนดล กล่าว
นายธนดล ยืนยันว่าเรื่องทุนสีเทาที่ชายแดนไม่เกี่ยวข้องกับร้อยเอกธรรมนัส ทุนสีเทาก็ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย มีหลักฐานอะไรใครทำผิดก็ดำเนินคดี ไม่เกี่ยวกับร้อยเอกธรรมนัส หากมีหลักฐานก็ไปแจ้งความเอาผิด ไม่ต้องมาพูดรายวัน ในฐานะกรรมาธิการถ้าพบการกระทำความผิดก็ต้องไปดำเนินคดีถูกต้องไหม กับผู้ที่กระทำความผิด แต่ถ้าคุณรู้ว่าเขากระทำความผิดแล้วไม่ดำเนินคดี คุณละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขอฝากย้อนถามไปด้วย ตนเองยังไม่เห็นหลักฐานเลยเอามาให้ผมดูหน่อย ให้ตนเองเข้าไปชี้แจงเอาหลักฐานมาแล้วค่อยว่ากัน ให้สื่อมวลชนถ่ายทอดให้ประชาชนเห็นว่าเบนจามินหรือเบน สมิธ เป็นทุนสีเทา เป็นทุนกัมพูชา เป็นสแกมเมอร์ เป็นคอลเซ็นเตอร์จริงหรือไหม ถ้าไม่จริงนายรังสิมันต์ต้องรับผิดชอบ

โดยวันนี้ร้อยเอกธรรมนัส ฝากมาชี้แจงเยอะพอสมควร แต่ตนเองจะรอชี้แจงใน กมธ. เมื่อไปดูพยานหลักฐานแล้ว นายเบน สมิธ ไม่ได้โดนดำเนินคดี ไม่มีหมายแดง ไม่เคยถูกคำพิพากษาในประเทศไทย เป็นบุคคลที่เดินทางเข้าออกในประเทศไทยได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ส่วนสถานะการคบหากับร้อยเอกธรรมนัส เป็นเหมือนคนรู้จักกันเป็นพี่เป็นน้อง ไม่มีกฎหมายไหนห้ามคบกัน เราปฏิบัติตามข้อกฎหมาย หากนายเบน สมิธ ทำผิดขอให้แจ้งความเลย ส่วนการขอสัญชาติไทยของนายเบน สมิธ ถูกตีกลับเนื่องจากบุตรชายของนายเบน สมิธ บอกว่าพ่อกับแม่เป็นคนสัญชาติอื่น เลยกลับไปแก้เอกสารเท่านั้นเอง ส่วนการจะขอใหม่ก็เป็นสิทธิ์ของเขา
เมื่อถามว่าขณะนี้สังคมออกมาวิจารณ์กันเยอะ นายธนดลระบุว่า ร้อยเอกธรรมนัสกับเบน สมิธ ไม่มีสิทธิ์ออกมาพูด ตนเองจึงมาพูดแทน ประชาชนเดือดร้อนก็มาเล่นเกมการเมือง เคยสนใจประชาชนบ้างหรือไม่ ทั้งนี้หากครั้งถัดไป กมธ.เชิญร้อยเอกธรรมนัสมาอีก เราว่าไปตามกฎหมาย แต่วันนี้เราอยากเข้าไปใจจะขาด เพราะวันนี้ตนเองเตรียมหลักฐานมาว่าเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์กับเบน เบอร์เจอร์ เป็นคนละคนกัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายเบน สมิธ เลยแต่คนมาพูดโจมตีทุกวัน จนประชาชนเข้าใจว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งไม่ใช่ถ้าจริงเราไม่กล้าฟ้องร้องหรอก เพราะเขาเองก็เป็นนักธุรกิจจึงไม่อยากออกมาพูด เดี๋ยวจะเสียหาย สุดท้ายก็เป็นเกมการเมืองที่ต่างคนต่างทำหน้าที่ และถ้าเบน สมิธ ไม่ใช่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือทุนสีเทาใครจะรับผิด และยืนยันว่าร้อยเอกธรรมนัสและเบน สมิธ ไม่มีธุรกิจอะไรที่เกี่ยวข้องกัน
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่นายธนดลเป็นทนายให้กับร้อยเอกธรรมนัสและเบน สมิธ นายธนดล กล่าวว่า ตนเองไม่กังวล ทัวร์ลงอยู่แล้ว แต่กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามให้ตนเองรับมอบอำนาจกับผู้หนึ่งผู้ใด ส่วนที่ตนเองถูกตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสม เพราะมีความเชื่อมโยงกับทั้งสองคนนั้น ตนเองยอมรับที่จะถูกวิจารณ์ แต่มั่นใจว่าตนเองไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะไม่มีใครมาดูแลหรือให้เงิน ตนเองได้รับค่าตอบแทนถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ประเด็นการฟ้องร้องของร้อยเอกธรรมนัส ต้องดูว่าอะไรที่ถูกพาดพิงและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุม นายธนดล ได้พบกับนายรังสิมันต์ ซึ่งนายรังสิมันต์ชี้แจงว่า ตนเองไม่ได้ใช้อำนาจเรียกแต่ใช้หนังสือเชิญ เชิญแล้วไม่มาก็ได้ ซึ่งในหนังสือก็เขียนชัดเจนว่าเชิญร้อยเอกธรรมนัส และขอให้ร้อยเอกธรรมนัสมาด้วยตนเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านต้องชี้แจงด้วยตัวเอง ส่วนตัวยืนยัน แม้ว่าตนเองจะถูกกล่าวหาอะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่เคยไปปรักปรำร้อยเอกธรรมนัสว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่นายธนดลก็บอกเองว่า ที่จะไม่ฟ้องเพราะข้อหามันบางมาก และส่วนตัวก็พร้อมให้ความเป็นธรรมร้อยเอกธรรมนัส รัฐมนตรีมาที่นี่ เราไม่ได้ต้องการจะฆ่ารัฐมนตรี อย่ากังวล เรามาทำงานด้วยกัน จากนั้น นายรังสิมันต์ได้เดินไปที่จุดสัมภาษณ์
ด้านนายธนดล จึงกล่าวว่า ตนเองก็เข้าใจดี ไม่ได้มีอะไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ ส่วนวันนี้ตนเองก็เข้าใจแล้วว่าเขาเชิญมาไม่ได้ใช้อำนาจเรียกมาแต่อย่างใด













