รมว.กลาโหม ยัน ทอ. เตรียมเครื่องบิน 6 ลำ สแตนบาย บินรับคนไทยกลับบ้านตลอด 24 ชม.
เครื่องพร้อมขึ้นบิน! ‘สุทิน’ ยัน ทอ. เตรียมเครื่องบิน 6 ลำ สแตนบาย บินรับคนไทยกลับบ้านตลอด 24 ชม. แต่รอทางการ ‘อิสราเอล’ ไฟเขียว ด้านแรงงานประสานกลับไทยนับพัน อาจต้องบินหลายรอบ จ่อประสาน เหมาลำสายการบินพาณิชย์ ช่วยรองรับกลับทั้งหมด
วันนี้ (9 ต.ค. 66) เวลา 11:30 น. ที่บริเวณลานจอดเครื่องบิน ฝูงบิน 601 กองบิน 6 กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพณิชย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพ แถลงความพร้อมปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในประเทศอิสราเอล ระบุว่า จากการรับทราบรายงานในที่ประชุม กองทัพไทยได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้แนวทางการปฏิบัติการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนแผนการอพยพคนไทย โดยกองทัพอากาศเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ ซึ่งได้เตรียมเครื่องบินไว้ 6 ลำ ประกอบด้วย AirBus – A340 1 ลำ และเครื่องบิน C-130 จำนวน 5 ลำ พร้อมส่ง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เตรียมพร้อม 24 ชม. ซึ่งเครื่องบินทั้ง 2 ชุดที่จะไป มีการเตรียมพร้อมทางด้านการแพทย์อย่างดีที่สุด โดยสามารถให้การรักษาระหว่างการเดินทางสำหรับแรงงานไทยได้
สำหรับปฏิบัติการอพยพคนไทย จะต้องรอให้ทางการอิสราเอล อนุญาต และอำนวยความสะดวกให้เครื่องบินของไทยสามารถเข้าไปในประเทศได้ โดยขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ อยู่ในระหว่างการประสานงาน ซึ่งหากกระทรวงการต่างประเทศได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ทางกองทัพไทยก็มีความพร้อมปฏิบัติการทันที โดยขณะนี้ไม่สามารถคำนวณได้ว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหรือเบาลง ซึ่งยอมรับว่าหากคนไทยเกือบ 30,000 คน มีประสงค์จะเดินทางกลับกองทัพไทยอาจจะไม่สามารถรองรับได้ทั้งหมด แต่จะมีการประสานให้สายการพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือนำคนไทยกลับมาให้ได้ทั้งหมด

ส่วนกรณีที่กระทรวงการแรงงาน แจ้งว่ามีแรงงานไทยทั้งหมด 1,099 คน ได้แจ้งความประสงค์ในการเดินทางกลับประเทศ นายสุทิน ระบุว่า ก็อาจจะต้องใช้เที่ยวบินหลายรอบ ซึ่งข้อมูลตัวเลขเครื่องบินที่เตรียมไว้ทั้งหมด 6 ลำ รับได้ทั้งหมดมากกว่า 500 คนต่อ 1 เที่ยว ซึ่งนายสุทินยืนยันว่า ถ้ายังเป็นจำนวนนี้ยังสามารถนำพาคนไทยกลับมาได้ตามศักยภาพ แต่ถ้าหากสถานการณ์รุนแรงเข้าขั้นวิกฤต ก็อาจจะใช้วิธีเช่าเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์แทน โดยน่านฟ้าอิสราเอล ในขณะนี้ยังไม่ประกาศปิด เครื่องบินยังสามารถลงที่ประเทศอิสราเอลได้ซึ่งถ้าหากไม่สามารถลงที่ประเทศอิสราเอลได้ ก็จะลงที่ประเทศข้างเคียงเช่น อียิปต์ ไซปรัส และ ซาอุดิอาระเบีย
ส่วนสถานการณ์เรื่องความปลอดภัยจากการสู้รบ อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ของทางการอิสราเอล และสถานเอกอัครราชทูตไทย อย่างไรก็ตามแม้ว่าทางการไทยจะพร้อมบินไปทันที แต่ก็ต้องรอความเห็นชอบจากทางการอิสราเอลก่อนที่จะบินไปได้ รวมถึงการประเมินสถานการณ์ความมั่นคงแบบวันต่อนั้น ทางกระทรวงประเมินร่วมกันกับหลายฝ่าย เช่นกระทรวงการต่างประเทศ และ สถานเอกอัครราชทูต
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ในครั้งนี้จะส่งผลต่อพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็อาจจะมีผลกระทบบ้าง เนื่องจาก ทั้งสองฝั่งนี้มีประชาชน และพลเมืองที่มีนักธุรกิจมาทำมาหากินในประเทศไทย ซึ่งในอดีตเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น มักจะเกิดผลกระทบกับประเทศไทยด้วย โดยกระทรวงได้เตรียมความพร้อมในการระมัดระวังดูแล แม้ว่าแนวรบจะอยู่ไกล แต่ประเทศไทยก็อาจจะเป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ส่วนกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทางการไทยช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลเป็นไปด้วยความล่าช้านั้น นายสุทิน ระบุว่า การช่วยเหลือจะต้องรอขั้นตอนระหว่างประเทศ ซึ่งจากที่ตนเองตรวจสอบนั้นก็ยังไม่ตรวจพบประเทศอื่นที่ช่วยเหลือพลเมืองของตัวเองได้เหมือนกัน ซึ่งอาจจะมีบางประเทศ แต่ก็ยังไม่สามารถนำพลเมืองของเขาออกมาจากประเทศอิสราเอลได้ เพราะขั้นตอนยังไม่เปิดให้เราทำ
สำหรับสถานการณ์คนไทยที่ถูกจับตัวไป 11 คน นายสุทิน เปิดเผยว่า การประเมินสถานการณ์นั้นเป็นไปได้ยาก จากข้อมูลข่าวมีแนวโน้มว่าจะนำผู้ที่ถูกจับตัวไปนั้นเป็นโล่มนุษย์ ซึ่งมีความเสี่ยงในทุกด้าน ทั้งนี้ต้องรอทางการอิสราเอลเป็นหน่วยงานหลักเข้าไปช่วยเหลือแต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการที่อิสราเอลกำลังไล่ยึดคืนพื้นที่กลับมาอยู่ ส่วนการลำเลียงผู้เสียชีวิตทั้ง 12 คน ที่ได้รับรายงานมาอย่างไม่เป็นทางการนั้น ขณะนี้ได้มีการหารือแล้ว โดยจะเคลื่อนย้ายแยกจากการช่วยเหลือคนไทย ซึ่งอาจจะเป็นเที่ยวบินคนละรอบ แต่ขณะเดียกัน จากข้อมูลทราบว่า แรงงานไทยในอิสราเอลบางส่วน มีความประสงค์ที่จะย้ายไปในพื้นที่ปลอดภัย มากกว่าที่จะเดินทางกลับประเทศไทย













