POLITICS

ชาญชัย–สมชาย–วรงค์ ขอบคุณศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก ‘ทักษิณ’ 1 ปี

‘ชาญชัย–สมชาย–วรงค์’ ขอบคุณศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก ‘ทักษิณ’ 1 ปี ชี้ คืนความศรัทธากระบวนการยุติธรรม–ป.ป.ช. เตรียมสอบต่อ

วันนี้ (9 ก.ย. 68) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายหลังศาลฎีกาฯ มีคำสั่ง ให้ นายทักษิณ ชินวัตร จำคุก 1 ปีตามพระบรมราชโองการ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้ร้องในคดีนี้ ระบุว่า ศาลฎีกาได้ชี้แจงว่าพิจารณาคดีนี้โดยภายใต้กฎหมาย ฉบับไหน ทนายจำเลยได้คัดค้านคำร้องของตนเอง 2 ครั้ง ถูกตีตกไป จึงได้ร้องเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 3 โดยเพิ่มพยานหลักฐานใหม่ ประกอบด้วยหลักฐานของผลการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ชี้มูลรวมทั้ง นายสมชาย แสวงการ ซึ่งมาเป็นพยานฝั่งวุฒิสภา (สว.) อสม. และแพทยสภา รวมทั้งหลักฐานเป็นใบเสร็จการจ่ายเงินที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่งให้ศาลฎีกาประกอบการพิจารณาคดี ซึ่งถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลได้ชี้แจงรายละเอียดให้เห็นว่าการไต่สวนนั้นพบความผิดอะไรบ้าง

นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันศาลฯ ได้ลงลึกในข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีการทำความผิด เกี่ยวกับกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่ง ปปช. จะดำเนินการเอาผิดต่อไป สำหรับข้อกฎหมายที่เห็นชัดว่ามีการนำตัวนายทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายฉบับ

ขณะเดียวกันศาลเห็นว่า นายทักษิณรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้ป่วย แต่ยังไปอยู่เบื้องหลังในการกระทำความผิดครั้งนี้ เท่ากับว่าการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนายทักษิณมีส่วนรู้เห็นด้วยจะอ้างเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ในลักษณะว่านายทักษิณเป็นผู้สนับสนุน หรือตัวการของคดีนี้ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 86 อีกทั้งศาลได้ตัดสินว่าการดำเนินการ เช่นนี้การพักโทษอีก 6 เดือน ที่เหลืออยู่ถือว่าชอบด้วยกฎหมายด้วยจึงเป็นเหตุให้จำคุกทั้งหมด รวม 1 ปี ถือว่าศาลลงโทษตามความเป็นจริงของกฎหมาย และการกระทำของนายทักษิณเอง ไม่มีใครแกล้งถือว่านายทักษิณรู้เห็นเป็นใจทั้งหมด

“ขอบคุณนายทักษิณที่แสดงความรับผิดชอบที่เดินทางกลับมารับโทษ ถึงแม้ว่าจำคุกไปปีเดียวแต่ก็ถือว่าไม่คุ้มกับความเสียหายของประเทศที่ผ่านมา หลังจากนี้ถือเป็นขั้นตอนของ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการต่อ” นายชาญชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้นายทักษิณสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ แต่ศาลพิจารณาตามโทษจำคุกเดิม เพียงแค่วินิจฉัยว่าได้รับโทษไปแล้วหรือไม่ เมื่อวินิจฉัยว่ายังไม่ได้รับโทษ ก็แค่ส่งกลับไปรับโทษเท่านั้น เชื่อว่าคำอุทธรณ์ของนายทักษิณไม่น่าจะมีผลต่อคำตัดสินในวันนี้ คำตัดสินวันนี้ถือว่าเป็นแม่บทเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดกลับเข้าสู่ระบบในสิ่งที่ถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย

ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ย้ำว่า การเข้าพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เป็นกระบวนการที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่โรงพยาบาลตำรวจกำหนดมาตรการไว้ในการดูแลผู้ป่วยที่เป็นนักโทษ และการส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเป็นเพราะหัวใจขาดเลือดแต่กลับให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดสมองเป็นผู้ดูแล ไม่ได้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจโดยเร็ว กว่าจะเจอกับแพทย์โรคหัวใจเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้ว ทำให้อาการดีขึ้นดังนั้นนายทักษิณสามารถกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ และยังพบว่ายารักษาโรคที่ใช้หลัก ๆ เป็นเพียงแค่ยาโรคความดันสูงและอย่าพ่นที่อ้างว่าบรรเทาอาการหายใจเหนื่อยเท่านั้น

ดังนั้นถือว่าเป็นการตอกย้ำ ว่าอาการเจ็บหน้าอกสงสัยว่าหัวใจขาดเลือด ไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะผู้ป่วยด้วยโรคเหล่านี้ต้องทำ อีเคจี โดยเร็วที่สุด ภายใน 10 นาที แต่นายทักษิณไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เลย จึงเชื่อได้ว่าไม่ได้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวจริง ศาลชี้ชัดว่าการส่งตัวนายทักษิณมาเที่ยวโรงพยาบาลตำรวจเชื่อได้ว่ามีการเตรียมการไว้แล้ว จึงชอบด้วยกฎหมาย เป็นไปตามพรบราชทัณฑ์ และกฎกระทรวงสาธารณสุข

ด้าน นายสมชาย แสวงการ กล่าวว่า ขอบคุณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่คืนความยุติธรรมให้กับสังคมไทย พร้อมขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรรมการแพทยสภา รวมทั้งคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนวุฒิสภาที่มีการสอบสวนเรื่องนี้ ไว้ถึง 12 ครั้ง รวมทั้งชื่นชมนายทักษิณที่กล้ากลับมารับโทษตามกระบวนการ แต่อย่างไรก็ตามการบังคับคดีในวันนี้มีอีกหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อ โดยเฉพาะ ป.ป.ช. ตั้งเรื่องสอบไว้ 12 คน ก็ต้องขยายผลการกระทำความผิดของบุคคลต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเอื้ออำนวย ประโยชน์ให้นายทักษิณไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ฝากถึงคณะกรรมการพิจารณาพระโทษหรือคณะกรรมการต่าง ๆ ที่กำลังพิจารณาว่าจะให้นายทักษิณไปจำคุกที่อื่น ต้องพิจารณาให้ดีเพราะคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนของวุฒิสภาได้ศึกษาเรื่องนี้ไว้แล้ว ว่าการออกไปคุมขังนอกเรือนจำจะต้องได้รับการอนุญาตอย่างไรมีหลักเกณฑ์เช่นไร สถานที่คุมขังจะต้องเป็นเรือนจำไม่ใช่บ้าน เพราะหากใช้บ้านเป็นเรือนจำจะต้องให้นักโทษอื่นเข้ามาอยู่ด้วยได้ ต้องมีกล้องวงจรปิดมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ควบคุม ดังนั้นขอให้ข้าราชการทุกคน เมื่อรับฟังคำตัดสินวันนี้แล้ว ขออย่ากระทำความผิดซ้ำ และปฏิบัติตามกฏหมายอย่างตรงไปตรงมา เมื่อได้ทักษิณได้รับการพ้นโทษในอีกหนึ่งปีข้างหน้าก็ค่อยว่าว่ากันอีกเรื่องอย่าทำให้กฎหมายบิดเบี้ยว เพราะสังคมมีปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือและวิกฤติศรัทธาของกระบวนการยุติธรรมมานาน เชื่อว่าวันนี้กระบวนการยุติธรรมได้รับความศรัทธากลับคืนมาแล้ว

ส่วนปฏิกิริยาของนายทักษิณในระหว่างการฟังคำตัดสิน มีอาการที่เรียบเฉยเป็นปกติ และเมื่อนายทักษิณกลับเข้าเรือนจำไปแล้วหากมีการป่วยอีก จะต้องเข้าข่ายโรคจิต และได้รับการพิจารณาจากแพทย์เบื้องต้นต้องส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน

ทั้งนี้ นายสมชาย ยืนยันว่า โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีศักยภาพเพียงพอในการรักษาโรคโรคหัวใจที่นายทักษิณอ้างว่ากำลังป่วยอยู่ หากเกินกว่าขีดความสามารถจึงค่อยพิจารณาเปลี่ยนโรงพยาบาล

นอกจากนี้ หลังจากให้สัมภาษณ์กลุ่มนายชาญชัย ได้มีการถ่ายรูปรวมบริเวณด้านหน้าป้ายศาลฎีกา ก่อนจะเดินทางกลับ

Related Posts

Send this to a friend