‘เปรมศักดิ์ – นันทนา’ โวย ถูกกลับลำไม่ให้ตั้ง กมธ. วิสามัญแก้ปัญหาน้ำท่วม
‘เปรมศักดิ์ – นันทนา’ โวย ถูกกลับลำไม่ให้ตั้ง กมธ. วิสามัญแก้ปัญหาน้ำท่วม บอก เศร้าใจ ”หนีเผด็จการทหาร มาเจอเผด็จการพลเรือน“ คุยกันยาก ชี้ หากสังเกต มติ สว. ส่วนใหญ่ผลออก 150 ต่อ 40 เหมือน ยาสามัญประจำบ้าน
วันนี้ (9 ก.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ พร้อมด้วย ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และคณะ แถลงข่าวกรณีที่จะเสนอญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาและศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาภัยพิบัติที่เกิดจากปัญหาอุทกภัยอย่างเร่งด่วน ว่า จากที่ได้หารือกันก่อนหน้านี้ เราได้เตรียมประสานคนนอก ที่มีความรู้ ในแต่ละกระทรวง และอธิบดีที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติต่าง ๆ ไว้แล้ว แต่ได้ข้อมูลที่อ้างว่า อ้างอิงเสียงส่วนใหญ่ ว่าจะไม่ให้มีการตั้ง แต่จะให้กรรมการสามัญไปพิจารณาศึกษา ซึ่งต่างจากที่คุยกันไว้ อีกทั้งการตั้งกรรมาธิการสามัญต้องใช้เวลา อย่างช้าคือช่วงสิ้นเดือนกันยายน กรรมาธิการก็ยังไม่สามารถทำหน้าที่ได้
“วันนี้เกิดปรากฏการณ์เสียงข้างมากจะเอาอะไรก็ได้ กลับลำก็ได้ โดยไม่มีการละอายว่า สัปดาห์ก่อนมีการพูดไว้ว่าอย่างไร ผมไม่มีทางอื่นนอกจากให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน เห็นว่าเราเป็นเสียงส่วนน้อยแค่ 30% ยังทำงานให้ประชาชน และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย เป็นเรื่องน้ำท่วม และพื้นที่สมาชิกส่วนใหญ่ก็อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม การระดมเงินช่วยเหลือเป็นแค่ปลายเหตุ ต้องแก้ที่ต้นเหตุระบบของมัน ที่ต้องเชิญคนนอกเข้ามาแก้ไข เพื่อให้เป็นระบบที่มั่นคงถาวร ซึ่งเป็นเจตนาของพวกเรา“ นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขอให้รอดูวันพรุ่งนี้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะมีการสกัดการทำงานของเสียงข้างน้อย เลยไม่ทราบเจตนา และเห็นว่าต้องการไม่ให้เสียงข้างน้อยทำงาน ถูกสั่งการมาอย่างไรก็จะต้องทำอย่างนั้น ซึ่งไม่เป็นธรรมกับเสียงข้างน้อย จึงมาขอความเป็นธรรม รวมถึงการพิจารณาให้ยุติในวันพรุ่งนี้ ว่าจะมีใครเสนอให้ไม่ตั้งกรรมาธิการฯ และขอโหวตให้ตกไปหรือไม่ ส่วนที่มี สว. ออกมาบอกว่า ถ้าตั้งแล้วน้ำจะลดหรือไม่ มองว่าคำพูดเช่นนี้ถือว่าไม่มีวุฒิภาวะ และ สว. หลายคนมีโอกาสเป็นประธานกรรมาธิการฯ แต่น่าจะถูกปิดโอกาสจึงเสียใจ และเศร้าใจ
“ผมไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์อะไรไปสู้กับไปรบกับเสียงข้างมาก แต่เศร้าใจเพราะหนีเผด็จการทหารแต่กลับมาเจอเผด็จการพลเรือนซึ่งร้ายแรงกว่า เพราะแทนที่จะคุยกันเข้าใจง่าย แต่คุยกันยากกว่าเผด็จการทหาร ถ้าเป็นอย่างนี้ก็เป็นอันตรายต่อประชาชน ขอโอกาสตั้งกรรมาธิการ ให้ความช่วยเหลือประชาชนบ้าง ถ้าสังเกตดูจะเห็นมติ 150 ต่อ 40 เสียงเป็นประจำ เหมือนยา สามัญประจำบ้าน” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
ด้านนายเศรณี อนิลบล สว. กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมควรยกเป็นวาระแห่งชาติเพราะเป็นเรื่องสำคัญ ปรากฏการณ์อุทกภัยในประเทศไทยแต่ละครั้งสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชน รัฐบาลต้องใช้งบซ่อมแซมน้ำท่วมปีละนับแสนล้านบาท จึงเห็นว่าต้องถอดบทเรียนปี 2554 ว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และที่ผ่านมาเสียเงินนับพันล้านบาท ในการศึกษาแต่ผลการศึกษาก็ถูกเก็บใส่ลิ้นชักไม่เคยถูก รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำมา ใช้เลย และประเทศไทยก็ประสบปัญหาอุทกภัยมาโดยตลอด มีน้ำใช้จากนั้นก็เกิดปัญหาภัยแล้งที่ไม่มีน้ำใช้ซึ่งเหตุเกิดจากเราไม่มีความจริงใจ จริงจัง ตั้งใจในการแก้ปัญหาตรงนี้อย่างเต็มความสามารถ ดังนั้นคิดว่ากรรมาธิการวิสามัญ ที่ผลักดันตั้งขึ้นมาจากประชาชนที่เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ซึ่งไม่เหมือนกับ สว.ชุดที่ผ่านมา เพราะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน
ด้าน ดร.นันทนา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยถูกตีตกญัตติเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจถูกมองเป็นเรื่องการเมือง แต่เรื่องน้ำท่วมเป็นวาระประชาชน เป็นเรื่องเดือดร้อนใกล้ตัว ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม กับบทบาทของสมาชิกวุฒิสภาในการดำเนินการ จึงเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ต้องคิดในหัวใจว่า สว.มีไว้ทำอะไร และมีไว้ทำหน้าที่แก้ปัญหาให้ประชาชนหรือไม่