POLITICS

‘ภูมิธรรม’ เผย ปชช.ส่วนใหญ่ที่ศูนย์พักพิงจากเหตุชายแดน สามารถกลับบ้านได้

‘ภูมิธรรม’ เผย ประชาชนส่วนใหญ่ที่ศูนย์พักพิงจากเหตุชายแดน สามารถกลับบ้านได้ มอง ในแง่ดี กัมพูชาคงไม่ละเมิดข้อตกลง เหตุ มีกฎเกณฑ์ของนานาประเทศ

วันนี้ (9 ส.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงประชาชนในพื้นที่อำเภอชายแดนที่อยู่ศูนย์พักพิงสามารถเดินทางกลับได้ในทุกพื้นที่แล้วหรือไม่ ว่า ส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ แต่หากส่วนไหนเกิดความไม่ปลอดภัย ก็ต้องยับยั้งไว้ก่อน ส่วนแผนพิทักษ์ส่วนหลัง ยังคงอยู่ จนกว่าจะมั่นใจ เพราะขณะนี้ยังไม่จบ วันที่ 24 กันยายนนี้ จะมีการเจรจาอีกครั้ง และคิดว่าจะขอการยืนยันอีกครั้ง โดยการประชุมที่เกิดขึ้นที่มาเลเซีย เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ว่าเราอยากรู้ว่าคุยแล้วจะจบไหม แต่ก็จบด้วยดี จะติดค้างก็ต้องไปคุยกันต่อ ก็ถือเป็นการแสดงความจริงใจ และตนเองเชื่อว่า เรารู้ว่ามันไม่ได้ง่าย เรื่องเขตแดนคุยกี่ครั้งก็ไม่จบ แต่น้อยที่สุด ต้องลดการเผชิญหน้า

ส่วนหลังจากนี้ถ้าพบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงจากฝ่ายกัมพูชา จะทำอย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้ตนเองยังคิดในแง่ดี เพราะการคุยกันครั้งนี้ เราไม่ต้องการให้มีการแทรกแซง แต่ได้มีผู้สังเกตการณ์ ต้องการให้ประเทศข้างเคียงได้คุยกัน ซึ่งมีสหรัฐอเมริกา จีน และประเทศอาเซียนทั้งหมด ซึ่งต่อหน้าสาธารณะแบบนี้ มันไม่น่าจะเกิดขึ้น จริง ๆ ในนานาประเทศที่อยู่ มันมีกฎเกณฑ์ของประเทศทั่วโลกอยู่แล้ว ซึ่งของคาดการณ์ไว้ในแง่ดีก่อน ถึงแม้จะพบการละเมิดข้อตกลงหลายครั้ง ก็ตามแต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเชื่อในวินัยของทหารไทย และตำรวจ เมื่อรัฐบาลตัดสินใจแล้วทุกท่านก็ปฏิบัติการ เพราะเห็นแล้วว่าเรื่องนี้มันสำคัญต่อประเทศ สำคัญต่อโลก เพราะฉะนั้น การแก้ไขปัญหามันจึงช่วยได้

ส่วนจาก 13 ข้อตกลงของไทย เป็นการแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่าต้องการสันติภาพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เราคิดอย่างเดียว เรื่องนี้มีการคุยกัน และยอมทั้งหมดที่พูดมา ซึ่งเห็นชอบร่วมกัน และถือเป็นทิศทาง เป็นสัญญาณที่ดีนับจากนี้ กรณีคิดว่าวันนี้การเจรจาเรื่องชายแดนอธิปไตยของประเทศ และชีวิตของพี่น้องประชาชนสำคัญที่สุด เหนือสิ่งอื่นใด ต้องระมัดระวัง เพราะเรายังอยู่ในจุดที่ถูกต้องอย่างที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าเราอยู่ในจุดของการรักษาสันติภาพ คำนึงถึงชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามมาตรฐานลำดับกฎหมายระหว่างประเทศ จึงได้บอกว่าทุกอย่างที่เป็นความเสียหาย และทุกอย่างที่เราทำให้บันทึกไว้แล้ว จะได้ชัดเจนว่าตั้งแต่เกิดเหตุมา ไม่ได้เริ่มจากฝ่ายเรา

Related Posts

Send this to a friend