POLITICS

เปิดร่างนิรโทษกรรมฉบับพรรคภูมิใจไทย ไม่รวมคดี ม.112 ‘ภราดร’ ยกทฤษฎีดอกไม้หลากสี ยอมรับความต่าง รอเวลาสังคมพร้อม

วันนี้ (9 ก.ค.68) นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นเสนอร่าง พ.ร.บ. สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. …. ฉบับพรรคภูมิใจไทย โดยได้อภิปรายหลักการว่า ให้ผู้ซึ่งกระทำความผิดจากการร่วมชุมนุมทางการเมืองและการแสดงออกทางการเมืองพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและพ้นจากความผิดตามกฎหมาย รวมทั้งให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าวได้รับการเยียวยา ทั้งนี้ไม่รวมถึงการกระทำความผิด ดังต่อไปนี้

1.การกระทำความผิดฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
2.การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
3.การกระทำความผิดที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือการกระทำความผิดต่อส่วนตัว หรือการกระทำความผิดที่ต้องรับผิดชอบต่อบุคคลใดที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐเป็นการเฉพาะราย หรือเฉพาะกลุ่ม

เหตุผลคือสังคมประเทศไทยเกิดความแตกแยกของกลุ่มทางการเมืองอย่างรุนแรงยาวนาน โดยมีการแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายลุกลามไปทั่วประเทศ มีการชุมนุมทางการเมืองของประชาชนที่เห็นต่างต่อต้านรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างต่อเนื่องตลอดมา ทำให้รัฐบาลยกระดับการประกาศและบังคับใช้กฎหมายควบคุมการชุมนุมทางการเมืองอย่างเข้มงวด ซึ่งส่งผลให้การชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนกลายเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองอันนำไปสู่การกล่าวหาและมีการดำเนินคดีกับประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง หรือเข้าร่วมแสดงออกทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ นำไปสู่การเผชิญหน้าของประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนเกิดการกระทบกระทั่งทางอารมณ์ต่อกัน นำไปสู่การใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม เป็นเหตุให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาดเจ็บล้มตาย มีผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากถูกจับกุมดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญา

ปรากฏการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทย การร่วมแสดงออกทางการเมือง แม้จะกลายเป็นการกระทำความผิด แต่ผู้กระทำความผิดไม่ได้เจตนาชั่วร้าย เพียงเพราะต้องการแสดงออกความเห็นทางการเมืองและเรียกร้องต่อรัฐบาล ไม่ได้แสดงออกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือมีเจตนาที่กระทำผิดอาญา แต่ใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ จึงสมควรให้ประชาชนผู้ที่ต้องได้รับโทษด้วยเหตุดังกล่าว พ้นจากความผิดตามกฎหมายและปราศจากมลทินมัวหมอง เพื่อเป็นการให้โอกาสกับประชาชนและสังคมไทยที่จะกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขด้วยความสมัครสมานสามัคคีปรองดองของคนในชาติ

สำหรับความแตกต่างในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เช่น มาตรา 4 คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำผิด โดยร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. …. ของพรรครวมไทยสร้างชาติ คณะกรรมการชุดนี้จะมีทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี สส. และ สว แต่ร่าง พ.ร.บ.ของพรรคภูมิใจไทย คณะกรรมการชุดนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมือง เนื่องจากป้องกันอคติและความเอนเอียง โดยคณะกรรมการจะมีทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อให้เลขาธิการศาลยุติธรรมได้อยู่ในกระบวนการวินิจฉัย ทำให้กระบวนการนิรโทษกรรมเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

นายภราดร กล่าวถึงผู้กระทำความผิดในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เข้าใจความรู้สึกของครอบครัวแล้วต้องรอการกลับมาของผู้นำครอบครัว แต่ความจำเป็นที่จะต้องเว้นไว้คือ ร่าง พ.ร.บ. 4-5 ร่าง สามารถที่จะเดินหน้าไปสู่การนิรโทษกรรมได้จริง ๆ ควรจะมีบางส่วนที่ได้รับประโยชน์จากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องตัดบางส่วนออกจากสมการนี้

สังคมนี้มีความเห็นแตกต่างอย่างมากมาย พรรคภูมิใจไทยก็ได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าใครก็ตามที่กระทำการละเมิดหรือกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตนเองไม่สามารถนิรโทษกรรมให้ได้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามากกว่าหรือน้อยกว่า แต่มีจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย ทำให้หากมีการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ต้องคดีมาตรา 112 เราจะไปสร้างปัญหาใหม่ในสังคมหรือไม่ คนที่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้กับผู้ต้องขังในมาตรา 112 จะออกมาชุมนุมเรียกร้องไม่จบสิ้นหรือไม่ ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาเราผ่านการชุมนุมทางการเมืองจะเห็นว่า สังคมนี้ค่อย ๆ เรียนรู้ความคิดเห็น หรือการอยู่ร่วมกันกับผู้ที่เห็นต่าง

“เราเรียนรู้มากขึ้นกับทฤษฎีดอกไม้หลากสีในกระถางเดียวกัน เราเรียนรู้ว่าสวนจะสวยงามได้ไม่ใช่ด้วยการปลูก ดอกไม้ชนิดเดียว ในสังคมประชาธิปไตยเราเรียนรู้ว่าไม่สามารถที่จะทำให้ทุกคนคิดเห็นได้เหมือนกันหมด”

นายภราดร กล่าวว่าถึงเวลาที่จะปลดล็อกและคืนความยุติธรรมให้กับคนส่วนหนึ่งที่อยู่ในการชุมนุมด้วยความผิดต่าง ๆ บางคนเสียชีวิตไปแล้วแต่ผลกระทบที่ได้รับจากคำพิพากษา ภรรยาและลูกต้องมาชดใช้ค่าเสียหายให้กับเขา เช่น นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นายสุริยะใส กตะศิลา คณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมและผู้นำสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต, นายสำราญ รอดเพชร อดีตโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ

ตนเองจึงเห็นว่าสมควรแล้วต้องหันหน้าเข้าหากันและเริ่มต้นสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้บังคับใช้ ตนเองเข้าใจความรู้สึกของกลุ่มคนที่จะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายฉบับนี้ แต่ในอนาคตเมื่อสังคมมีการพูดคุยและกลุ่มคนเหล่านั้นสำนึกผิดต่อการกระทำแล้ว เชื่อว่าสังคมพร้อมจะกลับมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับสภาฯ แห่งนี้ที่พร้อมจะฟังเหตุฟังผลและกลับมาพิจารณา เราควรจะรอจนกว่าสังคมมีความพร้อมมากกว่านี้กับบางกรณี ขออย่าทำให้บางกรณีไปพัวพันแล้วทำให้ทุกกรณีต้องตกขบวนไปด้วย

เรามีตัวอย่างของความเจ็บปวดมาแล้ว เช่น ก่อนเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 ซึ่งมีการเสนอกฎหมายเช่นนี้โดยนายวรชัย เหมะ กับพวก เริ่มต้นดีมากคือการนิรโทษกรรมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 แต่ท้ายที่สุดเมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ สิ่งที่เกิดขึ้นและนำไปสู่การรัฐประหารคือ คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากใช้เสียงข้างมากลากพาไปแก้ไขวัตถุประสงค์หลักการและเหตุผล ทำให้ผู้ที่มีความผิดในฐานทุจริตคอร์รัปชันได้รับการนิรโทษกรรมด้วย ซึ่งสังคมรับไม่ได้ ตนเองแนะนำว่าควรทำไปในสิ่งที่สังคมยอมรับได้ เพื่อที่จะได้ให้มีการนิรโทษกรรมและได้รับอานิสงส์จากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ดันเข้าสภาฯ แล้วถึงเวลาก็ไม่ได้สักคนเดียว แบบนี้ไม่เกิดประโยชน์

นายภราดร ย้ำว่าจะต้องรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้กลับมาพิจารณาในส่วนที่เหลือ พรรคภูมิใจไทยจึงมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ และขอให้เพื่อนสมาชิกพิจารณาอย่างรอบคอบ รับหลักการ พร้อมฝากถึงคณะกรรมาธิการที่จะตั้งขึ้นให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน และใช้บทเรียนในอดีต อย่าให้สิ่งเลวร้ายในอดีตต้องมาเกิดซ้ำกับสิ่งที่เรากำลังจะเริ่มต้นที่ดีครั้งนี้ต้องเสียเปล่า

Related Posts

Send this to a friend