‘ณัฐพงษ์’ แนะรัฐบาล ชูซอฟต์พาวเวอร์มากกว่าจัดอีเวนท์
วันนี้ (9 ก.ค. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ในงาน SPLASH – Soft Power Forum 2025 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า ตนเองได้ติดตามการแสดงวิสัยทัศน์ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไปแล้ว สิ่งที่อยากเห็นโดยเฉพาะส่วนของซอฟต์พาวเวอร์ ตนเองคาดหวังในเรื่องของการลงทุนในต้นทุนของวัฒนธรรม โดยที่ผ่านมาเราจะเห็นนโยบายเรื่องซอฟต์พาวเวอร์หมดไปกับการจัดอีเวนท์ เหมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ที่สำคัญการลงทุนต่าง ๆ หรือนำวัฒนธรรมที่เรามีอยู่ไปทำให้เกิดประโยชน์ เช่น สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้มีการศึกษาในเรื่องของย่านสร้างสรรค์ หลาย ๆ ย่านทั่วประเทศไทย และจริง ๆ แล้วในแต่ละหัวเมืองของเรามีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์พยายามที่จะประสานกับองค์กรณ์ปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะทำอย่างไรให้ท้องถิ่นมีการตั้งงบประมาณ ในการพัฒนาย่านสร้างสรรค์แต่ละย่านในแต่ละหัวเมือง
ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ได้รับความร่วมมือกับท้องถิ่นกับท้องถิ่นหรือกระทรวงมหาดไทย ในเมื่อตอนนี้พรรคเพื่อไทยขึ้นมาคุมกระทรวงมหาดไทย และถือเป็นนโยบายเรือธงในการที่จะผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งตนเองอยากส่งข้อแนะนำ และอยากเห็นพรรคเพื่อไทยนำผลการศึกษาที่หน่วยงานของไทยได้ศึกษาไว้มาลองลงทุนดู ในการที่จะปลูกเมืองสร้างสรรค์ในประเทศไทยให้เกิดขึ้นจริง รวมถึงอยากให้มีการใช้งบประมาณให้ถูกจุด มากกว่าการจัดอีเวนท์ธรรมดา
เมื่อถามว่า การปรากฏตัวของนายทักษิณในช่วงนี้จะสามารถประเมินเสถียรภาพของรัฐบาลได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอดูการแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ของนายทักษิณ ว่าจะสามารถสามารถกอบกู้ภาพลักษณ์ได้หรือไม่ แต่ถ้าหากคิดในทางกลับกันช่วงหลังที่มีความขัดแย้งสูง ในพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ก่อนที่พรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวออกมา ก็จะเห็นบทบาทของนายทักษิณที่ออกมาตามหน้าสื่อต่าง ๆ น้อยลง ฉะนั้นตอนนี้ที่กลับมาเห็นในหน้าสื่ออีกครั้งก็ต้องรอดูว่าจะแสดงวิสัยทัศน์อย่างไร
สำหรับความคาดหวังว่าจะได้เห็นประเด็นตอบโต้ของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูานั้น นายทักษิณ เวลาขึ้นเวทีจะมีประเด็นทางการเมืองอยู่ด้วย ฉะนั้นในครั้งนี้คงต้องรอติดตามดูว่าจะมีประเด็นทางการเมืองหรือการแสดงวิสัยทัศน์ที่สร้างทางออกให้ประเทศ พร้อมย้ำว่าต้องรอดู อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.68) สมเด็จฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการที่ศาลไทยออกหมายจับนายก๊ก อาน เจ้าของคราวน์กาสิโนในเมืองปอยเปต ซึ่งมีการโยงถึงนายทักษิณ สิ่งที่เป็นความเห็นของตนเองต่อกรณีดังกล่าว สิ่งที่ไทยสามารถกดดันสมเด็จฮุน เซน ได้เช่นกันคือ เรื่องของการสื่อสาร เพราะการที่เขาออกมาสื่อสารเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า เขาอ่อนไหว ต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ดังนั้นอำนาจต่อรองหากเราใช้เป็น หรือใช้การสื่อสารในเรื่องของพลังสื่อมวลชน ที่เราต้องการดำเนินการว่าในการสื่อสารที่เราต้องการดำเนินการคือการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนเองคิดว่าจะสามารถกดดันกัมพูชาได้ในการที่จะกลับเข้าสู่การเจรจาในทางที่ถูกต้องมากขึ้น ไม่ใช่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วทำให้เกิดปัญหาที่มีผลกระทบเกิดขึ้นตามมาเหมือนในอดีต












