ผู้บริหาร อิตาเลียนไทยฯ ร่ายยาว แจงสื่อ ปม แก้ไขแบบแปลน – ปล่องลิฟท์

ผู้บริหาร อิตาเลียนไทยฯ ร่ายยาว แจงสื่อ ปม แก้ไขแบบแปลน – ปล่องลิฟท์ ชี้ โครงการสร้างตึก สตง. แบบโครงสร้าง มีความขัดแย้งกับงานระบบ และงานสถาปัตยกรรม เผย ผู้รับเหมาส่งเอกสารสอบถามถึง 700 ฉบับ ซึ่งผู้ออกแบบให้ความเห็นสามารถทำได้ จึงดำเนินการ รับ บริษัท รับรู้กระบวนการทั้งหมด และทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้อง มีหลักฐานทั้งหมด ย้ำ แม้แก้ไขแบบ แต่ยังใช้สเปกวัสดุเท่าเดิม บอก “ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปใช้วัสดุอะไรที่ไม่ได้มาตรฐาน”
วันนี้ (9 พ.ค. 68) นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโสบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ในฐานะกิจการร่วมค้า และเป็นผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถึงกระบวนการต่างๆ ว่า จริงๆ เราอยากจะพูดอะไรหลายๆ อย่าง แต่อยู่ระหว่างการสอบสวน จึงไม่อยากพูดอะไรที่ไปกระทบกับส่วนอื่นๆ เราขอยืนยันว่า เราเป็นผู้รับเหมา เราเซ็นสัญญากับ สตง. แล้วทำงานตามแบบ ในกระบวนการของการทำงานก็มีการตรวจสอบกันอย่างเข้มข้น เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปใช้วัสดุอะไรที่ไม่ได้มาตรฐาน เอกสารที่บริษัท โดยกิจการร่วมค้ายื่นขออนุมัติจากทางผู้ควบคุมงาน และคณะกรรมการตรวจรับวัสดุ เราก็มีครบถ้วนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของเรา
ส่วนการแก้ไขแบบแปลนการก่อสร้าง บริษัทอิตาเลียนไทยฯ รับรู้ด้วยหรือไม่ นายเกรียงศักดิ์ ระบุว่า ในฐานะที่เป็นผู้รับเหมา ก็ได้ทำตามสัญญาการก่อสร้าง และเมื่อมีการแก้ไขแบบ ซึ่งมาจากทางผู้ออกแบบ และเจ้าของงานที่มีความประสงค์จะแก้ไข ฉะนั้นบริษัทฯ ก็จะต้องทำตาม เพราะเขามีคำแนะนำมาให้ ซึ่งบริษัทเรามีเป็นหลักฐานทุกอย่าง
“ส่วนถ้าถามว่ารู้รึเปล่า เราอยู่ในหน่วยงานเราก็รู้อยู่แล้ว ว่าเขาขอให้เราแก้ไขแบบ แล้วถ้าถามต่อว่า รู้หรือไม่ว่าแบบแข็งแรงหรือไม่ คือ เราไม่ทราบ ต้องเข้าใจว่า ตึกนี้มี 30 ชั้น ถ้าเราแก้ไขอะไรสักอย่างเราต้องไปพิจารณา วิเคราะห์ ตึกทั้งตึก เพราะฉะนั้นจะมาดูแบบกันเฉยๆ แล้วมาบอกว่าได้หรือไม่ได้ มันไม่ใช่หน้าที่ของผู้รับเหมาอยู่แล้ว และเราไม่มีความสามารถที่จะไปทำแบบนั้น” นายเกรียงศักดิ์ กล่าว
นายเกรียงศักดิ์ ย้ำว่า ที่ผ่านมาที่มีการแก้ไขแบบถึง 9 ครั้ง ไม่ใช่ว่าเราไม่รับทราบ แต่เรารับทราบ และเรารู้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุมทุกครั้ง และมีหนังสือสั่งการให้บริษัทตนเองทำ พร้อมยกตัวอย่างว่า การแก้ไขแบบทุกครั้ง หากมีผลกระทบกับงบประมาณ ตนเองก็จะต้องทำงาน ต้องลดให้กับทางราชการ อย่างเรื่องของการลดความหนาของผนังลิฟท์ เราก็ต้องทำเป็นงานลด ไม่ใช่เรื่องการฮั้วกันเพื่อลดงาน แล้วผู้รับเหมาได้รับผลประโยชน์ตามที่เขียนข่าวกัน
ส่วนเรื่องการแก้ไขแบบ ทางสตง.เป็นผู้ขอให้แก้ไขแบบหรือไม่นั้น นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบ พร้อมชี้แจงว่า เมื่อได้รับแบบมาแล้ว แบบอาจจะเกิดความขัดแย้งกัน โดยโครงการนี้ มีแบบขัดแย้งกันจำนวนมาก เช่น แบบโครงสร้างไปขัดแย้งกับแบบงาน สถาปัตยกรรม แบบสถาปัตยกรรมไปขัดแย้งกับงานระบบ และแบบงานระบบไปขัดแย้งกับงานตกแต่งภายใน ซึ่งในเรื่องของแบบขัดแย้งตนเองได้ออกเอกสารสอบถามไปถึง 700 ฉบับ เพื่อสอบถามไปยังผู้ควบคุมงานว่าจะให้บริษัทเราทำอย่างไร และจะให้ทำตามแบบโครงสร้างหรือให้ทำตามแบบสถาปัตยกรรม เพราะตนเองทำไม่ได้ เนื่องจากแบบมันขัดแย้งกัน และถ้าตนเองทำตามแบบโครงสร้าง ก็ไปขัดแย้งกับแบบงานสถาปัตยกรรม ฉะนั้นจึงต้องถาม ซึ่งเป็นหลักปกติที่จะต้องถาม เพราะทุกโครงการมีเรื่องแบบขัดแย้งกันอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการแก้ไขปล่องลิฟท์ โดยล่าสุดมีการชี้แจงในที่ประชุมว่าอย่างไรนั้น นายเกรียงศักดิ์ เผยว่า ตอนนั้นทางเดินระหว่างปล่องลิฟท์ มีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎหมาย ที่ประชุมจึงได้มีการสอบถามกันว่าควรทำอย่างไร และอาคาร สตง.เป็นตึกราชการ จึงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก่อสร้างกับทางกทม. แต่เป็นการแจ้งเพื่อทราบเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า แม้มีการแก้ไขแบบอยู่หลายครั้ง แต่ยังใช้สเป็ควัสดุ ทั้งเหล็ก ปูน สเปกเดิม
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในความขัดแย้งกันมีหลายกรณี บางกรณีเราตรวจเจอก่อน เราก็เขียนเอกสารไปสอบถาม หรือที่เรียกว่า เอกสาร RFI ซึ่งในส่วนของปล่องลิฟท์ บริษัทฯ ได้เขียนเอกสารไปสอบถามผู้ควบคุมงาน ซึ่งผู้ควบคุมงานก็นำไปปรึกษาในที่ประชุมของคณะกรรมการตรวจการจ้าง จากนั้นหนึ่งในคณะกรรมการเสนอว่า ประเด็นนี้ควรไปสอบถามผู้ออกแบบ ซึ่งทางกิจการร่วมค้า PKW จึงได้สอบถามไปทางผู้ออกแบบ โดยทางผู้ออกแบบได้ให้ความเห็นมาว่าจะทำอย่างไร ก่อนส่งเรื่องกลับมาให้ทาง PKW และ PKW ก็นำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมตรวจการจ้างอีกครั้ง หลังจากนั้น เมื่อที่ประชุมเห็นตรงกันว่าเอาตามที่ผู้ออกแบบเสนอมา ทาง PKW ก็จะส่งเรื่องมาให้บริษัทตนเอง เพื่อให้ดำเนินการตามที่เขาสั่งมา
ส่วนในที่ประชุมได้มีการพูดคุยเรื่องความปลอดภัย หากในการแก้ไขแบบหรือไม่นั้น นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเองอาจจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งจริงๆ แล้วคนออกแบบเป็นคนดูแลเรื่องความปลอดภัยนี้อยู่ หากผู้ออกแบบยืนยันว่าทำได้ ก็ดำเนินการตามนั้น พร้อมยืนยันว่า ขั้นตอนในการดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน
ส่วนเรื่องของการปลอมลายเซ็น นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่รู้เรื่อง เพราะตนเองไม่ได้มีหน้าที่ไปตรวจลายเซ็นใคร
ทั้งนี้ ในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังถามประเด็นเรื่องเอกสารที่สอบถามไปถึง 700 ฉบับในเรื่องแบบแปลนมีความขัดแย้งกันนั้น เป็นเรื่องปกติหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ผู้แทนบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ ได้เข้ามาเพื่อจะพานายเกรียงศักดิ์ ไปมอบเงินเยียวยาให้กังครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งเป็นจังหวะที่นายเกรียงศักดิ์ ยังตอบคำถามไม่แล้วเสร็จ โดยมีการดึงแขนนายเกรียงศักดิ์ ออกจากวงสัมภาษณ์ของสื่อมวลชนทันที โดยอ้างว่ามีประชาชนรอรับเงินเยียวยาอยู่