‘พ.ต.อ.ทวี’ ยอมรับ ‘เด็กไทย’ หันใช้กัญชา-กระท่อมมากขึ้นถึง 10 เท่า

‘พ.ต.อ.ทวี’ ยันไม่ได้มีปัญหากับ ‘นพ.ชลน่าน’ หลังทำหนังสือถึง สธ. ให้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดช่อดอกกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ยอมรับ ‘เด็กไทย’ หันใช้กัญชา-กระท่อมมากขึ้นถึง 10 เท่า ห่วงสถานการณ์เลวร้าย
วันนี้ (9 ก.พ. 67) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เกี่ยวกับเรื่องการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดช่อดอกกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพมหานคร (กทม.)
พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึง ประเด็นการทำหนังสือถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดช่อดอกกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โดยระบุว่า นพ.ชลน่าน ได้ตอบว่าเป็นเรื่องของคณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ต้องเป็นผู้ประกาศให้ช่อดอกเป็นยาเสพติดเอง เนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ส. และกระทรวงยุติธรรม มีมุมมองเรื่องผลการยกเลิกกระท่อมและกัญชาว่ามีผลอย่างไร เราจึงได้เชิญนักวิชาการและแลกเปลี่ยนรับฟังความเห็น ซึ่งในส่วนของการรับฟังความเห็น เราได้ทำการรวบรวมและส่งไปยัง นพ.ชลน่าน ให้รับทราบ โดยหลักแล้ว เรายังมีความกังวลว่ากัญชายังไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ส. ในสมัยที่มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน จะมีการยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ที่ได้เอากัญชาออกจากบัญชียาเสพติด แต่การจะเอาออกได้ คือ ต้องมีกฎหมายออกมาควบคุมการใช้กัญชา
แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่มีการออกกฎหมายมาควบคุมแต่อย่างใด และระหว่างนี้ปัญหาที่ได้รับการร้องเรียน โดยเฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเพื่อไทย ก็ได้มีการเรียกร้องขอให้นำเอากัญชาและกระท่อมกลับเป็นยาเสพติด เพราะมันมีการระบาดรุนแรง เเละเราก็ได้นำเอาผลการสัมมนาครั้งดังกล่าว พร้อมกับสรุปความเห็นไปว่าในระหว่างนี้ที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาควบคุมกัญชา ก็ขอให้กลับไปใช้ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีเงื่อนไขว่า จะใช้ได้ก็ต้องมีกฎหมาย ทั้งนี้ ก็มีความห่วงใยเพราะที่ผ่านมามีคนนำกัญชาไปค้าขายหรือหาผลประโยชน์จากกัญชาจำนวนมาก ซึ่งในเรื่องของผลกระทบก็คงต้องมีเวทีรับฟังเสียงสะท้อนกันอีกครั้ง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า กรณีที่ นพ.ชลน่าน พูดก็ถูกต้อง คือ ต้องเริ่มต้นจากคณะกรรมการด้านยาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข แล้วจึงเข้าสู่การหารือของคณะกรรมการ ป.ป.ส. จากนั้นเราจึงจะนำความเห็นของนักวิชาการและบุคคลที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงให้สาธารณะสุขรับทราบ โดยเป็นความร่วมมือกันของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรกัน เพียงแค่ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานเริ่มต้นเท่านั้น
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ดอกและช่อของกัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ แต่การผลิตยาเสพติด (ยาบ้า) เราพบว่ามันอยู่ที่ต่างประเทศเป็นหลัก บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ และเมื่อเราไปต่อว่าเขาว่าประเทศของเขาคือประเทศผลิตยาเสพติด เขาก็ย้อนกลับมาว่าประเทศไทยคือประเทศที่กัญชาเป็นยาเสพติด แต่กลับไม่เป็นยาเสพติด เราก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเด็กและเยาวชนไทยหันไปใช้กัญชาและกระท่อมจำนวนเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่า จากผลข้อมูลรายงานการรักษาของแพทย์
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขคงต้องให้คณะกรรมการของตนเองดำเนินการประชุม แล้วค่อยส่งเรื่องมายังคณะกรรมการ ป.ป.ส. แต่ถ้าจะใช้ในเรื่องกฎหมายก็คงต้องเร่งรัดออกกฎหมาย แต่นักวิชาการหลายท่านก็มีความเห็นตรงกันว่ากัญชาสามารถใช้ในทางการแพทย์ได้ แต่ยังไม่เห็นด้วยกับการใช้กัญชาทางสันทนาการหรือกัญชาทางเศรษฐกิจ เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกไม่ได้มีการใช้เช่นนั้น ไม่ได้ยอมรับการใช้กัญชา ซึ่งคำว่ากัญชาทางเศรษฐกิจก็จะเป็นการใช้สำหรับคนไทยเอง มันก็จะอันตราย