‘โรม‘ จี้ ’อนุทิน’ แก้ปัญหาส่วยสัญชาติ หลังตั้ง คกก.สอบแต่เรื่องเงียบ
‘โรม‘ จี้ ’อนุทิน’ แก้ปัญหาส่วยสัญชาติ หลังตั้ง คกก.สอบแต่เรื่องเงียบ บอกปล่อยไว้คนอาจมองนายกฯ มีส่วนรู้เห็น-มหาดไทยเอี่ยว ขออย่าให้เป็นแค่ลมปาก พูดให้ดูสวยหล่อ
วันนี้ (8 ต.ค. 68) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาศึกษาสถานการณ์ ปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและสัญชาติที่เชื่อมโยงกับความมั่นคงของประเทศ กรณีการเร่งรัดแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและสัญชาติ ตามมติ ครม.วันที่ 29 ต.ค.67 โดยเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องอาทิ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กรมสอบสวนคดีพิเศษ มูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก และอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ. เปิดเผยว่า กมธ. ติดตามเร่งรัดเรื่องการขอสัญชาติ แต่ยังมีเรื่องส่วยสัญชาติที่เป็นปัญหาอยู่คงจะได้มีการพูดคุยและติดตามกันต่อไป เบื้องต้นได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานเข้ามาให้ข้อมูล การเร่งรัดสถานะบุคคล เราได้รับความร่วมมือและดำเนินการให้สัญชาติกับคนที่ควรจะได้สัญชาติอยู่แล้ว 4.8 แสนคน แต่ที่ผ่านแม้จะมีการออกกระบวนการเร่งรัดจากฝ่ายบริหารก็ยังมีปัญหาอยู่ บางส่วนอาจจะราบรื่นแต่หลายพื้นที่มีปัญหา ในส่วนของกระบวนการของราชการอาจเปิดช่องให้มีการเรียกเงินกับคนที่ควรจะได้รับสัญชาติ
นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่าการเรียกรับจะอยู่ในขั้นของผู้นำชุมชนเป็นกลุ่มคนเดิม ๆ ที่มีผลประโยชน์หากินเรื่องนี้ ไม่ถึงส่วนราชการเราได้ประสานไปแต่ละจังหวัด ซึ่งอธิบดีกรมการปกครองได้ลงพื้นที่ไปป้องปรามไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น มีบางกรณีที่ตนเองได้รับเรื่องร้องเรียนก็ประสานไปยังจังหวัดทันที ประเด็นสำคัญคืออยากเห็นบทสรุปความก้าวหน้า อุปสรรคปัญหา และข้อร้องเรียนของประชาชน
แต่เท่าที่ทราบในการเสนองบประมาณที่ผ่านมา อยากจะให้เป็นโครงการเฉพาะการแก้ปัญหาบุคคลและการขอสัญชาติตามมติ ครม.ที่มีบุคลากรเพิ่มเติมในกรณีพิเศษเช่นนี้ เพราะบางพื้นที่ปลัดอำเภอและทีมงานต้องทำงานถึง 20.00 น. ดังนั้นเรื่องที่จะเอื้ออำนวยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเดินมาที่อำเภอเนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำว่า ประชาชนที่อยู่ในสิทธิ์ได้มีหลักฐานครบแล้วหรือไม่
“สวย่มีอยู่ในทุกพื้นที่ แต่เราหาหลักฐานไม่ได้ ไม่สมบูรณ์พอใจที่จะนำไปสู่การดำเนินการ แต่ที่เรามีก็จะส่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป” นายมานพ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่ามีการเรียกเก็บตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป ต้องยอมรับว่าดำเนินการไม่ง่าย พยายามทำให้สาวไม่ถึงตัวการ ซึ่งได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ไม่มีมูลก็คงไม่มีการบอกเล่าจากชาวบ้าน หลักการคือเรื่องสถานะบุคคล เขาควรได้รับอยู่แล้ว จากเดิมที่จะต้องไปพิสูจน์อะไรเยอะแยะ เปลืองภาษีประชาชน เสียเวลา วันนี้ก็ถือหลักให้ก่อนสอยทีหลังใครที่มีปัญหาหรือได้มาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องก็จะมีกระบวนการในการติดตามกันต่อไป
นายมานพ ย้ำว่าบุคคลตามมติ ครม.ไม่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว แรงงานผิดกฎหมาย เป็นบุคคลที่จะได้รับสัญชาติอยู่แล้ว ที่หลายฝ่ายบอกว่าจะให้สัญชาติกับคนเมียนมานั้น ไม่ใช่ เป็นคนละกลุ่มกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่านอกจากผู้นำชุมชนแล้วยังมีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นลำดับขั้นหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ระบบราชการอาจจะสูงขึ้นมานิดหนึ่ง แต่จะไปไกลขนาดไหนต้องตรวจสอบ การทุจริตเช่นนี้โดยสภาพ ถ้าไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ส่งสัญญาณก็ไม่ค่อยจะมีใครกล้า จึงต้องมีการตรวจสอบ ย้ำว่าพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
ส่วนที่กระทรวงมหาดไทยมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่เรื่องดูเหมือนจะเงียบไป นายรังสิมันต์ กล่าวว่า วันนี้จะได้คำตอบว่าเรื่องไปถึงไหนอย่างไร เรายังไม่เห็นความคืบหน้า จึงต้องพยามใช้กลไกของ กมธ.ตรวจสอบเรื่องนี้ให้เต็มสามารถ
เมื่อถามว่าในวันที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าสภาฯ วันแรกก็มีการสอบถามกับนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ถึงกรณีดังกล่าวด้วย นายรังสิมันต์ กล่าวว่าเรื่องการทุจริตในส่วนที่เกี่ยวพันกับกระทรวงมหาดไทย นายอนุทินในฐานะที่เป็นนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปล่อยไว้ไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องจัดการ ถ้าปล่อยไว้แสดงว่าท่านอาจจะเกี่ยวข้องหรือถูกกล่าวหาได้ว่า มีส่วนรู้เห็นเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น
ที่ตนเองต้องพูดแรงก็เพราะว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลับอีกแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ เรารู้ถึงขนาดที่ว่าหลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องเงียบ คนที่เป็นนายกฯ จะดำเนินการอย่างไร หากท่านไม่ดำเนินการแสดงว่าท่านปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติในกระทรวงมหาดไทยใช่หรือไม่ สุดท้ายนโยบายที่ท่านอยากจะรักษาหลักนิติธรรมต้องการจะแก้ปัญหาคอรัปชั่นก็จะไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียงแค่ลมปากที่พูดอย่างไรก็ได้ขอให้ดูสวยดูหล่อ













