‘จุลพันธ์‘ เผย เตรียมจัดคลังสัญจร ลงพื้นที่ช่วยเหลือฟื้นฟูย่านเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
‘จุลพันธ์‘ เผย เตรียมจัดคลังสัญจร ลงพื้นที่ช่วยเหลือฟื้นฟูย่านเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม บอก โครงการคนละครึ่ง ยังไม่ได้ข้อสรุป ขอยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
วันนี้ (8 ต.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า มีมาตรการที่เตรียมไว้ในระยะเวลา 6 เดือนจากนี้ไป โดยมีแพ็คเกจว่าอะไรจะออกในช่วงไหน แต่เรื่องนี้ยังสรุปไม่ได้ ต้องรอให้ผ่านกระบวนการประชุมไปก่อน
ส่วนเรื่องของเหตุการณ์น้ำท่วม ธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง จะมีการออกมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือออกมาหลายประเภท ขณะนี้กำลังรวบรวมและดูว่าจำเป็นจะต้องออกเครื่องมือกลไกอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แล้วว่า อาจจะใช้รูปแบบกระทรวงการคลังสัญจรเป็นมหกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่ที่เกิดความเสียหายจากน้ำท่วม เช่น อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ถือเป็นภาระของรัฐบาลและกระทรวงอื่น ๆ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในระยะเฉพาะหน้า แต่หลังจากนั้นกระทรวงการคลังควรจะเข้ามามีบทบาทเพื่อไปฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจ ที่เกิดความเสียหาย ประคับประคองช่วยเหลือประชาชน และกลุ่ม SMEs ให้สามารถกลับมายืนได้อีกครั้ง
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ยังมีการพูดคุยถึงมาตรการระยะสั้น เข้าไปช่วยสนับสนุน ในพื้นที่ที่ประสบภาวะอุทกภัย ว่าจะออกมาตรการระยะสั้นอย่างไร เพื่อให้คนกลับไปจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่และกลับไปท่องเที่ยว
เมื่อถามว่ากรณีที่เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการคนละครึ่งว่าน่าจะเป็นไปได้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ก็รับฟังทั้งหมด แต่ยังไม่มีข้อสรุป อย่างที่ตนเองเคยตอบคำถามเรื่องนี้ว่ารัฐบาลนี้คงไม่เอาเรื่องศักดิ์ศรี หรือว่าใครคิด ใครทำก่อนทำหลัง เราไม่ได้สนใจตรงนั้น ขอให้มาตรการที่ออกมาเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเรายินดี ซึ่งตรงนี้ กำลังคุยอยู่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะทำหรือไม่ทำ
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่หากกลับมาใช้โครงการคนละครึ่งอาจถูกวิจารณ์ เพราะพรรคเพื่อไทยเคยบอกว่าได้ไม่คุ้ม ว่า ไม่หรอก ตอนนี้ภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา และรูปแบบการทำจะเหมือนหรือแตกต่างกันเราก็ยังไม่เห็น สุดท้าย ต้องมาดูสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุด ซึ่งยังไม่ได้หมายความว่าจะทำหรือไม่ทำ












