‘ปกรณ์วุฒิ’ เผย วิปฝ่ายค้าน รอดูความจริงใจรัฐบาลแก้ รธน.
‘ปกรณ์วุฒิ’ เผย วิปฝ่ายค้าน รอดูความจริงใจรัฐบาลแก้ รธน. หลังต้องตั้ง กมธ.ร่วมพิจารณา พ.ร.บ.ประชามติ งง วิปรัฐบาลขอเลื่อนพิจารณารายงานนิรโทษกรรมออกไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่ใช่การเสนอกฎหมาย
วันนี้ (8 ต.ค. 67) นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติว่า พรุ่งนี้ (9 ต.ค. 67) จะมีการพิจารณาภายหลังจากที่มีการพิจารณากฎหมายที่คณะกรรมการพิจารณาเสร็จแล้วเกี่ยวกับกระทรวงอุดมศึกษา 4 ฉบับ และจะมีการพิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.ประชามติ ต่อหลังจากที่ สว.ได้มีการแก้ไขกลับมาให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่าจะรับตามที่สมาชิกวุฒิสภาแก้ไขหรือยืนยันร่างของ สส.
ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับวิปรัฐบาล มีความเห็นตรงกันกับวิปฝ่ายค้านว่า พ.ร.บ.ประชามติ ที่ถูกส่งไป เป็นร่างที่คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์จากทางสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรุ่งนี้คงยืนยันร่างที่สภาผู้แทนราษฎรได้ส่งไป และคงจะมีการตั้งกรรมาธิการร่วมกันของทั้ง สส. และ สว. เพื่อพิจารณาท้ายที่สุดร่างจะออกมาเป็นแบบไหน สิ่งที่กังวลและตั้งข้อสังเกตไว้ คือ ไทม์ไลน์ จากที่มีการวางแผนไว้ว่าจะทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง อบจ.ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้าที่จะเกิดขึ้นในหลายจังหวัด ซึ่งน่าจะประหยัดงบประมาณและสะดวกต่อประชาชนในการออกมาใช้สิทธิ์
ดังนั้น การแก้ไขร่าง และมีการตั้งกรรมาธิการร่วมกัน 2 ฝั่ง อาจจะทำให้ไทม์ไลน์กระทบได้ แต่ยังมั่นใจว่าถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าจะเป็นประตูบานแรกที่นำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นฉบับของประชาชน คิดว่าก็น่าจะมีประโยชน์ แต่หากจำเป็นต้องใช้เวลาและคาบเกี่ยวกับช่วงปิดสมัยประชุม สภาฯ ควรพิจารณาในการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อให้การทำประชามติเกิดขึ้นได้ในช่วงต้นปีหน้า สุดท้ายหากกรรมาธิการร่วมแล้วยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ พรบ.ฉบับนี้ ถูกพักไว้ 6 เดือน คงต้องพิสูจน์ความจริงใจ เพราะที่ผ่านมามีคนครหาว่าเป็นการถ่วงเวลาหรือไม่
นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวถึงรายงานแนวทางการศึกษาการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่วิปรัฐบาลขอเลื่อนการพิจารณาออกไปเรื่อย ๆ ว่า ขณะนี้รายงานยังไม่ถอน แต่ถูกเลื่อนออกไป 2 สัปดาห์ และยังไม่มีใครมาติดต่อพูดคุยอะไร ซึ่งรายงานฉบับนี้ไม่ใช่การเสนอกฎหมาย แต่เป็นการพูดคุยกันถึงแนวทางการนิรโทษกรรม โดยเรื่องนี้เป็นบันไดขั้นแรกที่ดีที่จะเอามาคุยกันในสภาฯ อย่างมีวุฒิภาวะ ยังไม่เข้าใจว่าตอนนี้พยายามจะเลื่อนเพื่ออะไร และไม่เข้าใจว่าไม่พร้อมในเรื่องอะไร เพราะทุกฝ่ายต้องหันมายอมรับกันได้แล้วว่าความขัดแย้งทางการเมืองในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาเป็นบาดแผลใหญ่ที่ทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง ร้าวลึก
ทั้งนี้ การเปิดประตูบานแรกด้วยการพูดคุยกันถึงการนิรโทษกรรมของผู้กระทำความผิดทางกฎหมายโดยมีเหตุจูงใจทางการเมือง จะเป็นก้าวแรกที่ดีที่จะสร้างความสามัคคีปรองดองในสังคม ซึ่งเรื่องนี้แค่รายงานการศึกษา ไม่ใช่กฎหมาย แต่กลับมีการเลื่อนออกไปอีก












