‘เพื่อไทย’ คาดเลือกตั้งล่วงหน้ารอบนี้ปัญหามากสุด หวัง14 พ.ค. ไม่พลาดซ้ำ
‘เพื่อไทย’ ชำแหละปมจัดเลือกตั้งล่วงหน้า คาดรอบนี้มีปัญหามากที่สุด ปลุก กกต. รับผิดชอบ-ตอบสังคมให้ชัด หวังคูหา 14 พ.ค. ไม่พลาดซ้ำรอยเดิม
วันนี้ (8 พ.ค. 66) เวลา 13:30 น. พรรคเพื่อไทย นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย และ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ หัวหน้าศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งพรรค เพื่อไทย แถลงท่าทีพรรคเพื่อไทย กรณีพบเหตุผิดปกติในการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง โดยเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้แจงข้อสังเกต ดังนี้
1.การจ่าหน้าซองส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าผิดพลาด ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในหลายหน่วยเลือกตั้ง เช่น จ.นนทบุรี ที่ใส่รหัสจ่าหน้าซองผิด จ.กาฬสินธุ์ ที่ไปลงคะแนนในเขตหนึ่งแต่คะแนนถูกส่งไปอีกเขตเลือกตั้งหนึ่ง อาจจะทำให้คะแนนมีการคาดเคลื่อน เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ไม่ควรเกิดขึ้น
2.การลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าผิดพลาด ซึ่งในการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเลือกตั้งวันสุดท้ายระบบล่ม ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ และทางเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้ออกมาแถลงยอมรับว่าระบบล่มจริงๆ แต่สามารถยังเข้าไปดึงข้อมูลของผู้ที่จะลงทะเบียนใช้สิทธิและลงทะเบียนย้อนหลังให้ได้ แต่เหตุการณ์การใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่ม.รามคำแหง เขตบางกะปิ มีผู้มาใช้สิทธิ 2 คนโดยได้รับแจ้งจากประธาน กกต. เขตว่า การลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ ต้องกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่จังหวัดภูมิลำเนาในวันเลือกตั้ง ทั้งที่ได้ลงทะเบียนแล้ว แต่ไม่สามารถใช้สิทธิได้
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า กรณีนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การแถลงการณ์ของเลขาธิการ กกต. ที่บอกว่า จะลงทะเบียนย้อนหลังให้ แต่กลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้ ทำให้ประชาชนอาจเสียสิทธิ และเป็นภาระในการเดินทางกลับไปภูมิลำเนา เชื่อว่ามีประชาชนอีกจำนวนมาก อาจจะไม่ได้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าเพราะเหตุนี้ กกต. ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหานี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่รับปากแต่ไม่ดำเนินการ
3.ความไม่สะดวกในการใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า ในหลายเขตเกิดความแออัดในการลงคะแนน ผู้มาใช้สิทธิบางคนต้องรอนานกว่า 3 ชั่วโมง หรือหลายคนก็ไม่สามารถใช้สิทธิได้ทันเวลา เนื่องจากมีปัญหาการจราจร ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการที่จ่าหน้าซองผิดนั้น กกต. จะแก้ไขอย่างไร โดยความผิดพลาดที่เห็นชัดเช่นนี้อาจนำไปสู่การฟ้องร้องกันว่าการเลือกตั้งมีปัญหาในเชิงกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยห่วงมาก เท่าที่ตรวจสอบดูเข้าใจว่าอาจจะไม่มีความพร้อมในเรื่องของการจัดการอบรมกรรมการประจำหน่วยและการให้ความรู้
นายชูศักดิ์ ยังฝากถึง กกต. เป็นเรื่องสุดท้าย ถึงการตั้งผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง ที่ต้องมีการคิดค่าใช้จ่าย ที่ผ่านมา กกต. มีแนวปฏิบัติว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้คิดจากเขตเลือกตั้ง เนื่องจากประจำอยู่ในหน่วยเลือกตั้ง แต่ครั้งนี้กลับมาเปลี่ยนเป็นค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้คิดจากพรรคการเมืองในช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้งแล้ว คิดเป็นค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ขั้นต่ำตกอยู่ที่ประมาณ 33 ล้านบาท แต่พรรคการเมืองได้รับอนุมัติให้ทำกิจกรรมใช้ไม่เกิน 44 ล้านบาท ซึ่งพรรคการเมืองปฏิบัติตามนี้ไม่ได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้งบเกือบครบตามจำนวนที่ กกต. กำหนดแล้ว หมายความว่าพรรคการเมืองต้องไม่ส่งผู้สังเกตการณ์หรือส่งไปแล้วก็ต้องถอนตัว ซึ่ง กกต. ดูเหมือนว่าจะทำเรื่องนี้ให้หมิ่นเหม่ผิดกับธรรมเนียมประเพณีที่เคยทำมา และคงไม่มีพรรคการเมืองใดที่ส่งผู้สังเกตการณ์ครบ 400 เขต
นายประเสริฐ ชี้แจงว่า อยากได้คำตอบจาก กกต. ในเรื่องเหล่านี้ เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมขึ้น โดยเราจะส่งเรื่องทั้งหมด 4 เรื่องข้างต้นถึง กกต. ภายในสัปดาห์นี้ และหวังว่าในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. จะไม่เกิดข้อผิดพลาดเหมือนกันเลือกตั้งล่วงหน้า
นอกจากนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทย ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าว The Reporters ถึงกระแสในโซเชียลกรณีที่มีการติดแฮชแท็ก #กกตมีไว้ทำไม ซึ่งขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ในโลกทวิตเตอร์อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่สะท้อนในโซเชียลเป็นสิ่งที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของพี่น้องประชาชน ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เป็นความรู้สึกว่าสิทธิในการเลือกพรรคการเมืองหรือผู้สมัครเขตที่เขามีความปรารถนานั้นถูกกระทบ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ที่เขาสะท้อนมาคือต้องการความยุติธรรม เรื่องเป็นสิ่งที่ กกต. ควรรับฟัง และดูว่ายังมีข้อบกพร่องตรงไหนที่ต้องปรับ ทั้งนี้ สำหรับการเลือกตั้งอาจมีข้อผิดพลาดได้แต่ต้องน้อยที่สุดและเราจัดการเลือกตั้งมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ความผิดพลาดในการเลือกตั้งล่วงหน้านั้นอาจมีมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต. ที่ต้องพิจารณาและมีคำตอบให้ประชาชน ทำให้ประชาชนวางใจ กกต. ได้
เมื่อถามต่อไปถึง กรณีที่เลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่า เรื่องร้องเรียนที่มีเข้ามาล่าสุดถึง 92 เรื่องนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด ช่วงโค้งสุดท้ายจะมีความรุนแรงขึ้น จนเป็นตัวแปรในการเลือกตั้งขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นช่วงที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นมากในเกือบทุกเทศกาลการเลือกตั้งอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญคือ กกต. ต้องรวบรวมเรื่องเหล่านั้น แล้วไปหาคำตอบที่จะทำประชาชนสบายใจ เข้าใจชัดเจน ไม่ใช่รับเรื่องและปล่อยให้ผ่านไป หากจัดการเรื่องนี้ได้อย่างยุติธรรมได้ ก็จะทำให้ กกต. มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น แต่หากจัดการได้ไม่ยุติธรรม คำถามที่ว่า กกต. มีไว้ทำไม ก็จะเป็นคำถามที่รุนแรงและหนักมาก
สุดท้าย เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ โพสต์ข้อความถึงความผิดปกติสำหรับการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าใน จ.อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร ซึ่งมีรถขนชาวบ้านไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งกลางที่อยู่ไกลออกไป แทนที่จะใช้สิทธิในวันที่ 14 พฤษภาคม และ 3 จังหวัดดังกล่าว เป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย มองว่าผิดปกติหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายชูวิทย์ ได้ทำหน้าที่ของท่านแล้ว ในการแสดงความเห็นที่ไม่สบายใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น เรื่องนี้คำตอบไม่ได้อยู่ที่คนอื่น แต่อยู่ที่ กกต. ว่าจะทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนอย่างไร