POLITICS

‘เศรษฐา’ ลั่น ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาล ค่าแรงสูงกว่า 600 ก็ทำได้

‘เศรษฐา’ ลุยชุมชนคลองเตย นำหาเสียงครั้งแรก ลั่น ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาล ค่าแรงสูงกว่า 600 ก็ทำได้ ประกาศพร้อมขึ้นเวทีทุกจังหวัดให้ได้มากที่สุด

วันนี้ (8 มี.ค. 66) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอีนด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. เขตคลองเตย พรรคเพื่อไทย น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางคอแหลม-ยานนาวา และ นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางนา-พระโขนง พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ฟังปัญหาประชาชนชุมชนคลองเตย ณ มูลนิธิครูประทีป เขตคลองเตย กทม.

ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่นายเศรษฐา ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้พรรคเพื่อไทย หลังรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป ระบุว่า พรรคเพื่อไทยถือเป็นพรรคแรกที่เข้ามารับฟังปัญหาของชาวคลองเตยอย่างจริงจัง ที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินของการท่าเรือมาก่อน ซึ่งเมื่อมีการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างท่าเรือ ทำให้ต้องใช้แรงงานจำนวนมากในการขนถ่ายสินค้าทำให้ชุมชนขยายตัวอย่างรวดเร็ว สลัมคลองเตยจึงเติบโตขึ้นอย่างไร้ระบบ ไร้การพัฒนา มีความเหลื่อมล้ำสูงนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ว่าที่นายกรัฐมนตรีในอนาคตได้เดินทางมารับฟังปัญหาของคนยากคนจนที่นี่ด้วยตัวเอง

จากนั้น ตัวแทนชุมชนคลองเตยได้ผลัดกันลุกขึ้นสะท้อนปัญหาต่างๆในพื้นที่ ประกอบด้วย ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของคนคลองเตย และปัญหาเรื่องคุณภาพการศึกษา เป็นต้น

ด้าน นายเศรษฐา กล่าวตอบรับว่า วันนี้ได้มาฟังเสียงของพี่น้องประชาชน ก็ทราบถึงความอัดอั้นตันใจและปัญหาพื้นฐานของชาวคลองเตย อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เรื่องที่อยู่อาศัยเป็นปัญหาที่ซับซ้อน และต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม พวกเราพรรคเพื่อไทยจึงขอรับปัญหานี้เพื่อนำไปสู่วงนโยบาย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป

นอกจากนี้ วันนี้สังคมเรามีปัญหาความเหลื่อมล้ำสูงมากได้ยินเรื่องค่าแรง นี่คือนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ขอให้คำมั่นสัญญาได้ว่าหากเราได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชนให้เข้ามาเป็นรัฐบาลเราสามารถทำได้สูงกว่า 600 บาทแน่นอน เพราะเราจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างน้อยปีละ 5%

นายเศรษฐา กล่าวต่อไปว่า เรื่องพลังงานเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องค่าน้ำ และค่าไฟ เราจะต้องควบคุมได้ นอกจากนี้เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก หากมีอาสาสมัครลงพื้นที่ไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนพวกเขาก็จะต้องได้รับการสนับสนุนสิ่งจำเป็นด้วย

นายเศรษฐา กล่าวว่า พวกเราจะนำปัญหาที่ได้รับในวันนี้ไปเข้าวงนโยบายของพรรคเพื่อหาทางออกอย่างรอบด้าน แล้วเราจะกลับมาจัดวงพูดคุยอย่างวันนี้อีกครั้งเพื่อเอาแนวทางที่เราไปหามา มาตอบพี่น้องประชาชน เราไม่อาจสัญญาได้ว่าจะทำได้ทุกข้อ แต่เราจะพยายามหาทางแก้ไขทุกเรื่องให้อย่างสุดความสามารถ ส่วนเรื่องการหาเงินเข้าประเทศ เชื่อว่า หากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลและไม่ว่านายกฯ จะเป็นใครก็ตาม การค้าระหว่างประเทศจะเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ และจะมีการจัดระบบเที่ยวบิน นำนักท่องเที่ยว และนำรายได้จากการท่องเที่ยวกลับเข้าประเทศได้อย่างแน่นอน

จากนั้นนายเศรษฐา นำพรรคเพื่อไทย ได้เดินพบปะทักทายพี่น้องประชาชน ชุมชน 70 ไร่ เขตคลองเตย ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการลงพื้นที่ครั้งนี้ โดยระบุว่า เป็นการลงพื้นที่ครั้งแรก ซึ่งได้มาเจอปัญหาและความคับแค้นใจของประชาชน โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง ยอมรับเป็นปัญหาที่ยาก ซับซ้อน มีหลายมิติ ซึ่งหลังรับฟังปัญหาก็จะไปหารือกับทีมงานเพื่อหาคำตอบ พร้อมบอกกับชาวคลองเตยว่าจะกลับมาพร้อมคำตอบ และไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัญหาได้เพราะทุกปัญหาสำคัญหมด ต้องแก้ไปพร้อมกันทุกมิติ แต่อะไรที่ทำได้ก่อนก็จะทำทันที และให้ความมั่นใจว่าหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำให้ได้ตามที่รับปาก

ส่วนความหวังที่จะได้ ส.ส. พื้นที่คลองเตยนั้น นายเศรษฐา มั่นใจว่า การที่ นายนวธันย์ ไม่เคยทิ้งพื้นที่มาตลอด 17 ปี ถือเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย ประกอบกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่คิดใหญ่ ทำเป็นและเคยทำมาก่อน จึงหวังว่าจะได้รับความไว้วางใจให้กลับมาอีก เป็นเรื่องหลัก

ส่วนหลังจากนี้จะพยายามลงพื้นที่กับพรรคเพื่อไทยให้ได้มากที่สุด ทุกเวที ทุกจังหวัด เพื่อรับฟังปัญหาและรวบรวมข้อมูลนำไปสู่การแก้ไข และจะทยอยเปิดนโยบายออกมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นนักธุรกิจจะเข้าถึงชาวบ้านได้อย่างไรนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องการขายภาพลักษณ์ แต่เป็นเรื่องความเข้าใจว่าชาวบ้านต้องการอะไร หน้าที่ส่วนตัวคือการเอาความเป็นตัวตน ไปขยายนโยบาย แสดงความจริงใจที่อยากแก้ไขปัญหาเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ให้ประชาชน

เมื่อถามว่าระยะเวลาที่เหลือจะเข้าไปอยู่ในใจประชาชนได้อย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่าเป็นคำถามที่ตอบลำบาก ขึ้นอยู่กับว่าจะทำได้ดีขนาดไหน แต่เชื่อว่าส่วนตัวและพรรคเพื่อไทยทำเต็มที่ เพราะ 8 ปีที่ผ่านเข้าใจปัญหาที่ประสบมาตลอด โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม จึงเป็นหน้าที่ของเพื่อไทยที่พยายามเสนอนโยบายให้โดนใจ

ส่วนกรณีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้กำลังใจในการลงพื้นที่ครั้งแรก นายเศรษฐากล่าวขอบคุณ เพราะถือเป็นกำลังใจ ทีมงานก็สนับสนุนโดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่เป็นพี่เลี้ยง ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์กรุงเทพได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน หน้าที่ของผมและพรรคเพื่อไทยคือการนำเสนอนโยบายที่มั่นใจว่าจะโดนใจประชาชน

Related Posts

Send this to a friend