ศธ.ลุยแก้หนี้ครู หลังพบยอดหนี้พุ่ง 1.4 ล้านล้านบาท มีครูเป็นหนี้รวมกว่า 9 แสนราย
วันนี้ (8 มี.ค. 65) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงผลการประชุมแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเป็นฐาน หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กําหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน ว่า ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ที่กระทรวงฯ มุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันมีครูและบุคลากรทางการศึกษาประมาณ 9 แสนราย มียอดหนี้รวมกัน 1.4 ล้านล้านบาท ในจํานวนนี้เป็นหนี้ที่กู้ยืมจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู 108 แห่งทั่วประเทศ รวม 8.9 แสนล้านบาท โดยหลังจากกระทรวงฯ เริ่มดําเนินโครงการในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 25,800 ราย
นอกจากนี้ยังพบว่า จากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั้งหมด 108 แห่ง มีเพียง 13 แห่ง ที่กําหนดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ขณะที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอย่างน้อย 13 แห่ง กําหนดดอกเบี้ยเงินกู้สูงถึงร้อยละ 7-9 ต่อปี เช่นที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสุราษฎร์ธานี มีสมาชิก 8,478 ราย มูลหนี้รวม 9,631,331,007 บาท ได้กําหนดลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.5 ถือเป็นแนวทางสําคัญประการหนึ่งที่สหกรณ์ฯ ได้ดําเนินการร่วมกันให้เป็นไปตามแนวทางที่กําหนด นอกเหนือไปจากที่ได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการพักชําระหนี้ในปีที่ผ่านมา ซึ่งทราบว่าภายในปี 2565 สหกรณ์ออมทรัพย์สุราษฎร์ธานี จะดําเนินการลดดอกเบี้ยตามแผนขั้นบันไดให้เหลือดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5
นางสาวตรีนุช กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้คัดเลือกสหกรณ์ที่มีความพร้อม เป็นสหกรณ์ต้นแบบ และจัดทําแผนและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นรูปธรรม กําหนดให้มี “สถานีแก้หนี้” ในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับจังหวัด โดยผู้อํานวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จะต้องเข้มงวดในการพิจารณา อนุมัติการก่อหนี้ใหม่ของครู โดยเมื่อรวมยอดหนี้แล้วต้องมีเงินเหลือให้ครูได้ใช้จ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของรายได้
โดยในวันพรุ่งนี้ (9 มี.ค. 65) จะมีการประชุมทางไกลของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูระดับจังหวัด ผ่าน ZOOM MEETING และ FACEBOOK ศธ. 360 องศา เพื่อสร้างความเข้าใจและร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้สินได้เป็นรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง












