POLITICS

‘สุทิน’ เข้าพบ ‘พล.อ.ชวลิต’ มั่นใจ ‘สุทิน’ คุมทหารได้ เชื่อ นายกฯ มีแนวทาง ปมซื้อเครื่องยนต์เรือดำน้ำ

‘สุทิน’ เข้าพบ ‘พล.อ.ชวลิต’ เชิญไปนั่งเจิมเก้าอี้ รมว.กลาโหมวันแรก เพื่อเป็นศิริมงคล มั่นใจ ‘สุทิน’ คุมทหารได้ เตรียมปรับภาพลักษณ์ ลดทีมผู้ติดตามให้น้อยลงตามที่จำเป็น เชื่อ นายกฯ มีแนวทาง ปมซื้อเครื่องยนต์เรือดำน้ำ จะได้ผลที่พอใจ ลั่น “กองทัพไม่เสียโอกาส ประเทศไม่เสียผลประโยชน์”

วันนี้ (6 ก.ย. 66) เวลา 13:00 น. นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือขอคำแนะนำการทำหน้าที่ร่วมกับกองทัพ

นายสุทิน เปิดเผยว่า ที่มาในวันนี้เจตนาคือมาขอพรจากพล.อ.ชวลิต และมาเยี่ยมเยียน เพราะตั้งใจจะมาเยี่ยมนานแล้ว ซึ่งท่านก็ให้กำลังใจ บอกว่าดีใจที่เห็นตนเองมาอยู่นี่ และทุกคนก็ดีใจ ท่านให้พรที่สำคัญคือให้เชื่อมั่นในตัวเอง และขอให้เชื่อมั่นในตัวเองว่าทำได้ ซึ่งท่านไม่ได้หนักใจ ท่านพูดแบบนี้ก็ทำให้เรามีกำลังใจเพิ่มขึ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชวลิต ได้ให้คำแนะนำเรื่องการนำทหารพราน มาแทนทดแทนทหารเกณฑ์ ในกรณีที่มีการยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ท่านไม่ได้พูด ท่านแค่ให้กำลังใจเท่านั้น ส่วนเรื่องการปรับลดกำลังพล ก็ยังไม่ได้ให้คำชี้แนะอะไร คิดว่าวันหลังถ้ามีเวลาก็จะมาคุยกับท่านใหม่อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานในกระทรวงกลาโหม อยากใหั พล.อ.ชวลิตเข้าไปนั่งในกระทรวงหรือไม่ นายสุทิน ยอมรับ อยากให้ท่านเข้าไปนั่งที่กระทรวงกลาโหม ในวันแรกที่ตนเข้าทำงานเพื่อความเป็นศิริมงคล โดยมองว่าท่านเป็นทหารอาชีพที่มาเล่นการเมือง ถือว่าเป็นคนเก่ง จึงยกย่องท่านว่าเป็นปูชนียบุคคล แต่ท่านตอบว่าไม่ได้เพราะสุขภาพไม่แข็งแรง

ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยรู้จัก พล.อ.ชวลิตมาก่อนหรือไม่ นายสุทิน ระบุว่า ตอนที่ตนเองอยู่ในรัฐบาลความหวังใหม่ ไม่เคยรู้จัก มารู้จักกันในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย โดยมีโอกาสได้พูดคุยกับท่าน ท่านก็เชิญไปตีกอล์ฟในสมัยหนุ่มๆ ซึ่งท่านยังจำเหตุการณ์ในสมัยนั้นได้ดี ความจำท่านดีมาก

ส่วนเรื่องการนับเวลาถอยหลังที่จะต้องเข้ากระทรวงอย่างเป็นทางการ และได้เดินสายเข้าพบผู้ใหญ่หลายมาแล้ว งานใหญ่ที่จะต้องทำในวันแรกคือเรื่องอะไร นานสุทิน กล่าวว่า นโยบายทุกนโยบายจะต้องถูกหยิบขึ้นมา แต่เรื่องที่สนใจมากที่สุดคือเรื่อง การพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ซึ่งเรามีสถาบันป้องกันประเทศ โดยสนใจว่าอยากจะเชิญทหารเก่งๆ ในสมัยใหม่ มาเชื่อมโยงนักวิทยาศาสตร์ และนักเทคโนโลยีทั้งหลาย และจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง เพื่อทำการพัฒนาให้เป็นกองทัพที่สมัยใหม่จริงๆ พร้อมย้ำว่า หากมีรัฐมนตรีช่วยที่มาจากพรรคอื่น ก็ไม่มีปัญหา เพราะเราทำงานภายใต้การบริหารของนายกฯ คนเดียวกัน

ขณะเดียวกันในทีมก็จะเตรียมเชิญ พลเอกที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มาร่วมทำงานขับเคลื่อนงานของกองทัพ ซึ่งตอนนี้มีนายพลเยอะเป็นร้อยคน โดยคณะของตนเป็นคณะที่ทำตามนโยบาย ไม่ว่าจะเรื่องทหารเกณฑ์ ชุดปรับกำลังพล คณะชุดปราบยาเสพติด “มีนายพลเยอะเกือบร้อยคน”

ส่วนนโยบายยกเลิกทหารเกณฑ์มีคนสนใจมากในขณะนี้ จะมอบหมายให้ใครมาดูแล จะสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า กำลังจัดชุดกันอยู่ ซึ่งมีทหารที่เสนอตัวเข้ามาทำงานร่วมด้วย แต่ไม่หนักใจ เพราะมีการแบ่งกลุ่มที่ทำงานในระบบที่รับราชการอยู่ และนอกระบบ ซึ่งตนสามารถจะตั้งได้อยู่แล้ว

สำหรับการปรับตัวในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม นายสุทิน กล่าวว่า เริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น แต่คงต้องใช้เวลา ส่วนเรื่องคนติดตามที่ถูกนำเสนอข่าวไว้ว่า มีถึง 40 คนนั้น นายสุทิน ระบุว่า ถ้าเป็นภาพข่าวในวันแรก ที่มีชุดรักษาความปลอดภัยไปรอหน้าบ้านเพื่อไปรายงานตัว เป็นแค่การไปรายงานตัวเท่านั้น และช่วงนี้เป็นช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ หลายอย่างยังไม่ลงตัว แต่สัปดาห์หน้าทุกอย่างก็จะลงตัว และการทำหน้าที่ก็จะใช้คนเท่าที่จำเป็น

ส่วนการจะเรียกประชุมสภากลาโหม นายสุทิน กล่าวว่า ต้องรอเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ แต่ก็คงยึดหลักตามวาระของกองทัพ ซึ่งจะรับฟังก่อนว่ามีปัญหาอะไร หากเร่งรีบก็จะเร่งประชุม หากไม่เร่งรีบก็ประชุมตามวาระ คือเดือนละครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามนายสุทินว่า ได้เปลี่ยนมานั่งรถประจำตำแหน่ง ที่เป็นรถเบนซ์ รู้สึกอย่างไร นายสุทิน ตอบว่า เขาส่งมาให้ ก็ลองนั่งดู เป็นรถกันกระสุน ก็อุ่นใจ คงไม่มีกระสุนเข้ามาหาตนเอง แต่ก็อยากจะลองนั่งดูเพื่อเปรียบเทียบว่ารถตู้กับรถกันกระสุนต่างกันอย่างไร และรู้สึกว่าไม่เหมือนกัน

เมื่อถามถึงแนวทางการจัดซื้อเรือดำน้ำในรัฐบาลนี้จะดำเนินการอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงของการศึกษา แต่มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีมีแนวทางที่เตรียมไว้อยู่แล้ว เชื่อว่า เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจ ประชาชนจะไม่ผิดหวัง ขณะที่การไปประชุม UN ของนายกรัฐมนตรี คาดว่าก็จะมีแนวทางเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ และมีทางออกที่ดี เพราะ ผบ.ทสส. ก็จะร่วมคณะเดินทางไปด้วย แต่จะทำให้ได้ผลที่พอใจ “กองทัพไม่เสียโอกาส ประเทศไม่เสียผลประโยชน์ “เช่นเดียวกับเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำที่มีแนวคิดจะเปลี่ยนมาใช้เป็นเครื่องยนต์จากจีน จากเดิมในสัญญาของกองทัพที่ตกลงกันไว้ว่าจะเป็นเครื่องเยอรมัน แต่ไม่สามารถผลิตให้ได้ เชื่อว่าทุกอย่างจะมีทางออกที่ดี ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับ จีน และเยอรมัน

Related Posts

Send this to a friend