POLITICS

‘พล.อ.ณัฐพล’หวังกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อจากการประชุม GBC

‘พล.อ.ณัฐพล’หวังกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อจากการประชุม GBC เสียดาย กัมพูชายังไม่ตอบรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์ ส่วนประชาชนให้ผู้ว่าฯ พิจารณาชาวบ้านกลับบ้านได้เมื่อปลอดภัย

วันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC ฝ่ายไทย แถลงข่าวหลังผลการประชุมกับกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดย 2 ฝ่ายเห็นชอบแนวทางการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ และลงนามร่วมกับ พลเอกเตีย เสรย-ฮา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา

พล.อ.ณัพฐพล เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้เข้าเยี่ยมคารวะดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งมี พลเอก เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เข้าร่วมด้วย การหารือเป็นไปอย่างฉันมิตร นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยินดีที่เห็นการหยุดยิงและความคืบหน้าที่ดีในการหารือกรอบ GBC ไทย-กัมพูชาครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการปฏิบัติตามการหยุดยิง หลังการตกลงหยุดยิงระดับนายกรัฐมนตรีเมื่อ 28 ก.ค.68

“นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ยืนหยัดชัดเจนว่า ได้มีการหารือกับผู้นำประเทศมมาชิกอาเซียนต่าง ๆ แล้วและเห็นตรงกันว่า การแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของไทย ทางมาเลเซียจะเพียงช่วยประสานงานให้ทั้งสองฝ่าย หารือเพื่อแก้ไขปัญหากันเอง โดยมีอาเซียนสนับสนุน”

พล.อ.ณัฐพล เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซียยินดีที่การประชุม GBC ไทย-กัมพูชาเห็นพ้องกันในเรื่องของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวที่นำโดยผู้ช่วยผู้ทหารมาเลเซีย และประกอบด้วยผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนเท่านั้น โดยสหรัฐฯ กับจีนจะไม่เข้าร่วม แต่ยินดีสนับสนุนตามที่ไทย-กัมพูชาเห็นสมควร

พล.อ.ณัฐพล กล่าวขอบคุณมาเลเซียที่เป็นคนกลางและช่วยประสานงานให้การประชุมครั้งนี้ผ่านไปเรียบร้อย โดยมีสหรัฐฯ และจีนร่วมสังเกตการณ์เช่นเดียวกับการประชุมพิเศษเมื่อ 28 กรกฎาคม 2568 โดยเป็นระดับเอกอัครราชทูต

“การประชุม GBC ครั้งนี้เป็นการติดตามประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้นำไทยและกัมพูชาได้หารือเมื่อ 28 กรกฎาคม ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงให้มีการหยุดยิง และตนได้ย้ำในที่ประชุมว่า ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ฝ่ายไทยปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้นำทั้งสองเห็นชอบร่วมกันเรื่องการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่พบว่าฝ่ายกัมพูชามีการละเมิดหยุดยิงหลังเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งไทยใช้ความอดทนอดกลั้นที่สุด และตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น แม้ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนมีความสงบ แต่พบว่ากัมพูชายังเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ และยังมีการใช้อากาศยานไร้คนขับเข้ามาสอดแนมในพื้นที่ต่าง ๆ ของไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ยั่วยุและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน และยังมีการเผยแพร่ข้อมูลและข่าวที่บิดเบือน ไม่สร้างสรรค์ ไม่ช่วยให้สร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจรจาและฟื้นฟูความไว้วางใจ”

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า สำหรับการประชุม GBC ครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดับนโยบายได้แสดงให้เห็นความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้ การกระทำที่ละเมิดการหยุดยิงที่กล่าวมาข้างต้น อาจเป็นการดำเนินการโดยพละการของหน่วยงานในพื้นที่ ดังนั้น เจตนารมณ์ของตนที่เข้าประชุมวันนี้ คือ การหารือกับฝ่ายกัมพูชาอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความจริงใจและสุจริตของทั้งสองฝ่าย เพื่อหาแนวทางที่จะทำให้การหยุดยิงให้เดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อนำสันติภาพและความสงบมาสู่ชายแดนไทย-กัมพูชาอีกครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของประชาชนสองประเทศ จะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ

สำหรับผลการประชุมที่สำคัญในครั้งนี้ สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ประกอบด้วย

ทั้งสองฝ่ายตกลงยึดมั่นเรื่องการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ซึ่งต้องครอบคลุมอาวุธทุกประเภท และคงกำลังไว้ในที่ตั้งเดิมนับตั้งแต่วันที่หยุดยิง โดยไม่มีการเสริมกำลังเพิ่มเติม และให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว คือ ผู้ช่วยทูตทหารประเทศอาเซียนประจำประเทศไทยและกัมพูชา นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียเข้าไปสังเกตการณ์พื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยจะไม่มีการข้ามแดน และมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC และ GBC ในแต่ละประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีการละเมิดการหยุดยิงโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ทั้งสองฝ่ายจะหลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นการยั่วยุ ทั้งทางทหารและการให้ข้อมูลบิดเบือน หรือข่าวเท็จ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศอำนวยการพูดคุย เพื่อหาทางออกโดยสันติ

ทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยในช่วงเฉพาะหน้าจะเก็บร่างผู้เสียชีวิตส่งกลับประเทศ และประกอบพิธีอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ส่วนการส่งกลับเชลยศึกตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ จะให้ส่งกลับทันทีที่มีการยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 โดยระหว่างนี้ ตนได้ยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ให้การดูแลบุคคลเหล่านี้ตามหลักกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน

ทั้งสองฝ่ายจะรักษาช่องทางการพูดคุย และการใช้กลไกทวีภาคีที่มีอยู่ ในการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ไม่ให้ลุกลามบานปลาย โดยหลังจากนี้ จะมีการประชุม RBC ภายในสองสัปดาห์ เพื่อประสานงานการปฎิบัติตามสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ จะมีการประชุม GBC อีกครั้งในอีก 1 เดือนข้างหน้า เพื่อติดตามความคืบหน้าการผลประชุมครั้งนี้

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตนยังได้หยิบยกอีก 2 ประเด็นสำคัญ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังไม่ตอบรับ โดยขอให้มีการประชุมครั้งนี้เน้นเฉพาะการหยุดยิงก่อน และขอให้นำไปหารือการประชุม GBC ครั้งต่อไป คือ

1.ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความตึงเครียด จนนำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน เรื่องนี้ฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกัมพูชา ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะ และพื้นที่อื่นๆตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย

2.ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ หรือ ออนไลน์สแกม ซึ่งส่งผลต่อประชาชนคนไทยและประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง

“ผมขอย้ำอีกครั้งว่า สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือและเห็นพ้องกันในวันนี้ จะเกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้ ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของสองฝ่าย ขอยืนยันว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการให้ความร่วมมือ และการพูดคุยอย่างสุจริตใจ และจริงใจต่อไป บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน ท้ายที่สุด ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน ย้ายหนีจากกันไม่ได้ เราเป็นสมาชิกของครอบครัวอาเซียนด้วยกัน หากทั้งสองประเทศสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ก็จะนำสันติภาพมาสู่พื้นที่ชายแดน และประชาชนของทั้งสองประเทศก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติอย่างสงบสุขอีกครั้ง“ พลเอก ณัฐพล กล่าว

ผู้สื่อข่าวสอบถึงกรอบเวลาในการติดตามข้อตกลงหยุดยิง และจะพิจารณาให้ประชาขนกลับบ้านอย่างไร พลเอก ณัฐพลระบุว่า การประชุม GBC ในวันนี้ ตนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ลงนามบันทึกผลการประชุมไปแล้ว ซึ่งจะเป็นกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า และจะลงรายละเอียดภายในกรอบที่ได้ตกลงกัน และหลังจากนั้นอีก 1 เดือน จะมีการประชุม GBC วิสามัญ เพื่อติดตาม

“แต่ในกรณีที่เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ มีการปะทะกันเกิดขึ้น จะมีการประชุม GBC วิสามัญ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สำหรับประชาชนที่จะกลับภูมิลำเนา ปัจจุบัน ทาง ศบ.ทก. ได้กำหนดให้ผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดประสาน ผู้บัญชาการหน่วยทหารในพื้นที่ได้โดยตรง เพราะสถานการณ์แต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน จังหวัดใดมีความพร้อมก็สามารถกลับภูมิลำเนาได้ แต่สิ่งที่กองทัพห่วงใย คือ ปัจจุบันมีกระสุนและจรวดที่ฝ่ายกัมพูชายิงมาตกในชุมชน และอาจยังหลงเหลืออยู่ จึงเร่งสำรวจ ดังนั้นประชาชนที่กลับภูมิลำเนาแล้ว หากพบเห็นวัตถุระเบิดดังกล่าวให้แจ้งหน่วยทหารและตำรววจในพื้นที่ เพื่อดำเนินการเก็บกู้ระเบิดเพื่อความปลอดภัย” พลเอกณัฐพลกล่าวย้ำ

Related Posts

Send this to a friend