‘สส.พรรคประชาชน‘ ยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ
‘สส.พรรคประชาชน‘ ยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ มุ่งสร้างศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระ ที่ไม่เป็นอิสระจากประชาชน หวังรัฐสภาให้ความเห็นชอบปลดชนวนระเบิดเวลาการเมืองไทย
วันนี้ (7 ก.ค. 68) ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อม สส.พรรคประชาชน แถลงข่าวการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า หลายเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา เช่น การยุบพรรคตัดสิทธินักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน คำถามต่อการตรวจสอบคดีการโกงการเลือก สว. หรือการขาดความรับผิดรับชอบจากกรณีตึก สตง. ถล่ม ล้วนมีต้นตอมาจากการออกแบบศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระที่ถูกขยายขอบเขตอำนาจในการตรวจสอบสถาบันทางการเมืองอื่น แต่กลับมีที่มาที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน รวมถึงขาดกลไกที่จะถูกประชาชนตรวจสอบได้โดยตรง ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะต้องมีการหารือร่วมกันทุกฝ่ายใน ส.ส.ร. แต่พรรคประชาชนเห็นว่ารัฐสภาเดินหน้าแก้ไขได้บาง มาตรา โดยเป็นการแก้ไขแบบคู่ขนานกันไป
ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เรายื่นในวันนี้ มุ่งสู่การสร้างศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่ไม่เป็นอิสระจากประชาชนโดยแบ่งออกเป็น 3 ร่าง คือ
ร่างที่ 1 เป็นการ “เปลี่ยนระบบ” ที่ครอบคลุม 3 ประเด็นหลัก
1.ที่มาหลากหลาย – ทำให้เรามีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่มีความหลากหลายทางความคิด วิชาชีพ และประสบการณ์ โดยการเพิ่มช่องทางในการสรรหา-เสนอชื่อ จากเดิมที่เป็นการเสนอชื่อผ่านคณะกรรมการสรรหาช่องทางเดียว มาเป็นการเสนอชื่อหลายสายจากหลากหลายช่องทาง เช่น ศาล, สส. รัฐบาล, สส. ฝ่ายค้าน, สว.
2.ไม่ผูกขาดโดย สว. – ทำให้เรามีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระที่ยึดโยงกับประชาชนและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยจะใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาแทน
3.ประชาชนตรวจสอบได้ – ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ไม่อยู่เหนือการตรวจสอบ โดยการคืนสิทธิให้ผู้แทนราษฎร และประชาชน 20,000 คน ในการเข้าชื่อเพื่อถอดถอน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผ่านกลไกขององค์คณะพิจารณาถอดถอนที่มีตัวแทนจากหลายฝ่าย
นายพริษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ร่างที่ 2 และร่างที่ 3 เป็นการ ปรับเฉพาะจุดโดยเป็นร่างไม่ผูกขาดกับ สว.และประชาชนสามารถเข้าชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระได้ ซึ่งเป็นการแยกจากร่างที่ 1 ออกมา ซึ่งทั้ง 3 ร่างมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
“หวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกคนจะเห็นตรงกันว่าศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระไม่ควรเป็นอิสระจากประชาชน แต่ควรเป็นอิสระจากการถูกครอบงำโดยกลุ่มก้อนทางการเมืองเพียงกลุ่มเดียว และพรรคประชาชนหวังว่าทุกพรรคการเมืองและสมาชิกรัฐสภาทุกคนจะเห็นตรงกันว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ เรื่องเล็ก แต่เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ ที่เราควรร่วมกันปลดชนวน โดยการบรรจุและผลักดันร่างดังกล่าวในรัฐสภาโดยเร็ว” นายพริษฐ์กล่าว
เมื่อถามว่า การแก้แบบรายมาตราสามารถนำมาทดแทนการแก้ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้มาทดแทนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแต่เป็นการดำเนินการแบบคู่ขนาน ส่วนการแก้รายมาตราในเรื่ององค์กรอิสระเป็นเรื่องใหญ่สมาชิกรัฐสภาจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่นั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หรือไม่อยู่ที่มุมมอง เพราะร่างที่ 2 และ 3 เป็นการแก้ไขเฉพาะจุดหวังว่าสมาชิกรัฐสภาน่าจะเห็นชอบร่วมกันได้ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้เสียงสว. 1 ใน 3 คือ 60 เสียงในการผ่านร่าง
เมื่อถามว่า ร่างทั้ง 3 ฉบับ จากสถานการณ์การเมืองขณะนี้จะพิจารณาทันสมัยการประชุมนี้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สภาชุดนี้จะอยู่นานเท่าไหร่ตนเองไม่ทราบ แต่ถ้าสภายังคงทำงานอยู่ฝ่ายค้านก็ยังคงทำงานเหมือนเดิม แต่ความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลคงไม่ทำให้เราทำงานน้อยลง และตอบไม่ได้ว่ารัฐบาลจะอยู่นานเท่าไหร่ แต่หากสภาทำงาน เราก็ยังทำงานอยู่
เมื่อถามว่า การไปคุยกับพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า การเสนอร่างวันนี้มี สส.พรรคประชาชนร้อยกว่าคนลงนาม แต่หลังจากนี้จะนำร่างไปพูดคุยกับสส.ซีกฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลด้วย ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์จุดยืนต้องดูจากการกระทำ จากผลการลงมติเป็นเครื่องพิสูจน์
ส่วนการปรับแก้กระบวนการสรรหาขององค์กรอิสระมีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยเพียงแค่ไหนนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขั้นตอนการสรรหาจากเดิมเป็นการเสนอชื่อซึ่งเป็นเพียงแค่ช่องทางเดียว โดยมีการตั้งคณะกรรมการสรรหาหนึ่งชุด ประกอบไปด้วยตัวแทนจากหลายฝ่าย ส่วนข้อเสนอของพรรคเปลี่ยนจากการเสนอชื่อให้คณะกรรมการสรรหาเป็นการเสนอชื่อจากหลายช่องทาง เช่น การเสนอชื่อผ่านที่ประชุม การเสนอชื่อจากฝั่ง สส. รัฐบาล และการเสนอชื่อจากสอสอฝ่ายค้าน และการเสนอชื่อจากฝั่ง สว.
สำหรับคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในการออกแบบการปฏิรูป และการออกแบบศาลรัฐธรรมนูญ ในองค์กรอิสระเป็นโจทย์ใหญ่ที่พรรคมองว่า ถ้าจะเป็นการแก้ไขทุกประเด็นต้องแก้ไขใน ส.ร.ร. ส่วนในเรื่องของคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระไม่มีการปรับมากนัก โดยยกตัวอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาต(ป.ป.ช.) ที่กำหนดไว้ต้องมีกรรมการ 9 คน ซึ่งมีการปรับในรายละเอียดว่าจะต้องมีบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านไหนเท่าไหร่ เพื่อให้มีผู้ประกอบวิชาชีพรวมอยู่ในนั้นด้วย แต่ในด้านภาพรวมนั้นไม่มีการปรับ
นอกจากนี้ สำหรับกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้งองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ ทางพรรคมีการประเมินสถานการณ์นี้อย่างไรบ้าง นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเองไม่แน่ใจว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ได้เขียนบทบัญญัติที่ไม่ให้องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองหรือไม่ เพราะคนที่คัดเลือกองค์กรอิสระเข้ามาคือสว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำให้เป็นที่ถกเถียง และเกิดคำถามว่าถูกครอบงำจากกลุ่มก้อนทางการเมือง ซึ่งตนเองอยากให้ตั้งหลักจุดตรงนี้ก่อน เพราะเวลานี้กติกาถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองใดการเมืองหนึ่งหรือไม่
“แต่เป้าหมายของพรรคประชาชน คือการทำให้องค์กรอิสระเป็นอิสระจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ไม่ได้เป็นอิสระจากประชาชน ซึ่งถ้าหากเรามองว่าบุคคลที่จะ เข้าไปดำรงตำแหน่งเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งจะเป็นหลักประกันให้เรามั่นใจว่าคนที่ดำรงตำแหน่งนั้นจะปฎิบัติกับทุกฝ่ายตามกฎหมายบังคับใช้ และสามารถตรวจสอบทุกฝ่ายอย่างทัดเทียมกัน “ นายพริษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงขั้นตอนหลังการรับร่างไปแล้ว ว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะตรวจสอบรายชื่อ หากทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์จะมีการนัดประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่าย คือ วิปสว. ,วิปฝ่ายค้าน และวิปรัฐบาล เพื่อตกลงกันว่าจะให้บรรจุระเบียบวาระได้เมื่อไหร่ และเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนการบรรจุระเบียบวาระของการประชุมรัฐสภา













