POLITICS

‘โรม’ ลุยดูมาตรการเปิด-ปิดด่านบ้านคลองลึก เห็นชัดกัมพูชาปิดประตูฝ่ายเดียว

‘โรม’ ลุยดูมาตรการเปิด-ปิดด่านบ้านคลองลึก เห็นชัดกัมพูชาปิดประตูฝ่ายเดียว มองคลิปเสียงหลุด-สัมพันธ์ส่วนตัวทำเจรจายาก กัมพูชาได้เปรียบ ด้านผู้ประกอบการโวยปิดด่านไม่ช่วยแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์

วันนี้ (7 ก.ค. 68) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ลงพื้นที่บริเวณจุดผ่านแดนบ้านคลองลึก ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อดูมาตรการการเปิด-ปิดด่านไทย-กัมพูชา​

นายรังสิมันต์ เปิดเผยว่าจุดผ่านแดนบ้านคลองลึก เมื่อก่อนเป็นจุดที่มีการค้าขายและการเข้าออกของทั้ง สองประเทศ จะเห็นว่าประตูฝั่งไทยเปิดแต่ประตูฝั่งกัมพูชาจะปิด เราเห็นภาพพี่น้องประชาชนที่มาเรียกร้องขอให้เปิดด่านเพื่อให้การค้าขายกลับมาเป็นปกติเนื่องจากหลายคนตกงาน การค้าขายของทั้งสองประเทศยังเป็นปมปัญหาอยู่ว่าจะดำเนินการกันอย่างไร

เรื่องความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาพันกันอยู่หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล และการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะทำอย่างไรที่คลี่คลายได้ถือว่ายังเป็นโจทย์อยู่ เชื่อว่าถ้าคลี่คลายเรื่องนี้ได้จะทำให้หลายปัญหาแก้ได้ เพราะเมื่อการค้าขายระหว่างไทย-กัมพูชาเกิดขึ้นไม่ได้ก็ส่งผลกระทบต่อทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเฉพาะคนอรัญประเทศและคนสระแก้วเท่านั้น แต่ผลกระทบขยายวง ทั้งนี้หากคลี่คลายปมปัญหาเหล่านี้ได้จะเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งทั้งสองประเทศ

สำหรับปัญหาคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะยอมได้ จึงต้องหามาตรการในการแก้ปัญหา มีหลายวิธีโดยดูกรณีของไทย-เมียนมา เรามีความร่วมมือกับจีน เช่นเดียวกันกับกรณีไทย-กัมพูชา จะต้องร่วมมือกับประเทศอื่นในการแก้ไขเรื่องนี้ โดยข้อเรียกร้องของประชาชนคือ การปิดด่านไม่ได้แก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องพิจารณาว่าการปิดด่านกับการแก้ปัญหาคอลเซ็นตเตอร์จะจัดวางกันอย่างไร เพราะสุดท้ายจะทำให้เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศมีปัญหา จึงต้องแฟร์ ๆ ทำอย่างไรให้มีการเจรจาระหว่างสองประเทศถือเป็นความท้าทายของประเทศเราในเวลานี้

ส่วนการเจรจาให้กัมพูชาเปิดด่าน นายรังสิมันต์ มองว่าจะต้องมีการพูดคุย แต่เรามีข้อจำกัดคือภาพของรัฐบาลที่มีทั้งเรื่องคลิปเสียงหลุด และความสัมพันธ์ส่วนตัว ทำให้การเจรจาเพื่อเปิดด่านการร่วมกันยากขึ้นเรื่อย ๆ หากเราฟังจากคลิปเสียงหลุด กัมพูชาบอกให้ไทยเปิดก่อน แต่ความจริงไทยเปิดอยู่ แต่เขาคงหมายถึงการเปิดเป็นเวลาเหมือนเดิมและไม่มีการจำกัดการเข้าออกของคน เพราะแนวทางที่รัฐบาลและทีมไทยแลนด์ใช้คือ การควบคุมคน ป้องกันไม่ให้คนที่ไปเป็นคอลเซ็นเตอร์หรือกาสิโนสามารถเข้าออกได้โดยง่าย ซึ่งเป็นธงที่รัฐบาลพยายามทำ

ประเด็นคือกัมพูชาอยากให้เปิดด่านเหมือนเดิม เพราะธุรกิจคอลเซ็นเตอร์เป็นธุรกิจหลัก แต่วันนี้กัมพูชาวัดใจด้วยการปิดด่านทั้งหมดเพื่อทำให้เศรษฐกิจของไทยได้รับความเสียหาย ซึ่งเขาก็ได้รับความเสียหาย แต่เขาไม่แคร์เรื่องเหล่านั้น ดังนั้นเมื่อจะกลับมาเปิดด่านใหม่สิ่งที่รัฐบาลต้องคิดมี 2 อย่าง 1.มาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2.การเปิดด่าานไม่ควรใครเปิดก่อน แต่ควรเปิดพร้อมกัน โดยก่อนจะตกลงกันได้ทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับในคู่ตกลง แต่ตอนนี้ยังติดปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลที่เป็นลักษณะของศัตรูกัน การเจรจาในขั้นนั้นจึงมีปัญหาอยู่

ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุชัดว่าไทยจะต้องมีการเปิดด่านก่อนนั้น การเจรจายังจะได้ผลหรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่าการเจรจามีความจำเป็นอยู่ การจะทำให้การเจรจาได้ผลคือ การแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวันนี้จะมีการหารือในส่วนของจังหวัด เนื่องจากเรามีรายชื่อบางคนที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋าเงิน และผู้มีอำนาจในกัมพูชาตามนั้นการเจรจาจะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดไป แต่อย่างน้อยหากมีความคืบหน้าไปบ้างการเจรจาก็จะง่ายขึ้น

บรรยากาศการเมืองไทยขณะนี้ มีเรื่องความชอบธรรมของรัฐบาลหรือการที่เราจะมีรัฐบาลที่มั่นคงกว่านี้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเจรจา ดังนั้นจึงมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเจรจา และต้องยอมรับว่าผู้มีอำนาจในกัมพูชาดูการเมืองไทยและติดตามการเมืองไทยอย่างละเอียด เขาคงจะประเมินและหาจังหวะที่จะทำให้ตัวเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ พร้อมยืนยันว่าเรื่องของการที่นักการเมืองไทยไปเปิดบัญชีในกัมพูชาตอนนี้น่าจะมีมากกว่า 7 คน​ มีหลักฐานชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้มีผู้ประกอบการในพื้นที่​ ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดด่านของกัมพูชา มารวมตัวกัน บริเวณหน้าจุดผ่านแดนบ้านคลองลึก นำโดยนายสมควร พวนศรีคำ ผู้ประกอบการนำเข้าส่งออก​ ยื่นหนังสือให้นายรังสิมันต์ เป็นข้อเรียกร้อง 7 ข้อ ขอให้ทบทวนมาตรการปิดด่านตามแนวชายแดนระบุว่า ผู้ประกอบการ ได้รับผลกระทบไม่สามารถประกอบอาชีพได้ และปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี แต่อีก 5 จังหวัดกลับได้รับผลกระทบ

ส่วนการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา การปิดด่านไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เพราะขบวนการเหล่านี้ มีการเตรียมความพร้อม แทบไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่คนที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน ที่ทำมาหากินสุจริต ขณะที่ความไม่ปลอดภัย เรามีเอกอัครราชทูต หากมีปัญหาคนให้เอกอัครราชทูตทำงานก่อน แต่หากจะเสี่ยงเกิดสงคราม ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ประชาชน ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และหากจะทำอะไรต้องแจ้งประชาชนล่วงหน้า เพื่อให้เตรียมความพร้อม

อีก​ทั้งสินค้าที่มีการส่งออกจุดผ่านแดนบ้านคลองลึก เป็นสินค้าที่ผลิตจากทั่วประเทศ จึงคาดว่า จะส่งผลกระทบ กับเศรษฐกิจ และแรงงานของไทยโดยตรง จึงฝากให้ผู้มีอำนาจทบทวน และแก้ไขปัญหานี้ให้กับประชาชน หากไม่ดำเนินการความเสียหายจะตามมาอีกจำนวนมาก

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเองลงพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวาน​ ได้ทราบความเดือดร้อนของประชาชนว่ามีเยอะ ต้องยอมรับว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนที่ไม่ได้เป็นผู้ขัดแย้งด้วยได้รับผลกระทบไปด้วย เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นหากรัฐบาลจะเดินหน้าปิดด่านต้องตามมาด้วยมาตรการของการเยียวยา ในฐานะประธานกมธ. เราได้มีการพูดคุยกับทางรัฐบาลไปแล้วเบื้องต้นแต่หลังจากรับหนังสือไปแล้วยืนยันว่าจะไปพูดคุยเพิ่มขึ้นเพื่อให้เร่งหาแผนรองรับผลกระทบต่อประชาชน ยืนยันว่าหนังสือไม่หายแน่นอน

Related Posts

Send this to a friend