‘วราวุธ’ สั่ง พม. 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา คุมเข้มแผนดูแล ‘กลุ่มเปราะบาง’ รับมือสถานการ

วันนี้ (7 มิ.ย. 68) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเผยถึงความห่วงใยต่อกลุ่มเปราะบางในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าได้สั่งการผ่านปลัดกระทรวง พม. ให้กำชับหน่วยงานในสังกัดที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดน ได้แก่ ตราด จันทบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ให้ปฏิบัติตามแนวทางของศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) อย่างเข้มงวด เนื่องจากภัยอันเกิดจากความไม่สงบถือเป็นภัยพิบัติรูปแบบหนึ่ง ซึ่งกระทรวง พม. มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเข้าดูแลกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของกระทรวงฯ ทั้งเด็ก ผู้พิการ และผู้สูงอายุ
นายวราวุธ กล่าวว่า ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนงานคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมกันติดตามดูแลประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางซึ่งอยู่ภายใต้ความดูแลของ พม. ในแต่ละจังหวัด
สำหรับแผนการช่วยเหลือฉุกเฉินนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยืนยันว่า หากมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ เกิดความเครียด หรือความกลัวจากการบริโภคข่าวสาร หรือในกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องอพยพออกจากที่พักอาศัย ทาง ศบปภ. ของกระทรวง พม. ก็พร้อมที่จะเข้าให้ความช่วยเหลือในทันทีโดยไม่รอช้า โดยได้จัดเตรียมทีมนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน ให้คำปรึกษา และบำบัดฟื้นฟูสภาพจิตใจเพื่อผ่อนคลายความวิตกกังวล ทั้งนี้ ศบปภ. มีข้อมูลที่อยู่ของกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ทั้งหมดแล้ว และพร้อมที่จะประสานข้อมูลกับหน่วยงานระดับจังหวัดและทีมกู้ภัย เพื่อวางแผนการอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัยหากเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ขึ้น
นอกจากนี้ นายวราวุธยังได้ฝากความห่วงใยไปยังประชาชนทั่วไป โดยระบุว่าในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียด ขอให้บริโภคข่าวสารอย่างมีสติและระมัดระวัง ไม่สร้างความเครียดให้ตนเองมากจนเกินไป เพราะอาจส่งผลให้เกิดความเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งมักมีความกังวลต่อสถานการณ์ได้ง่าย และกลุ่มเด็กที่ยังมีประสบการณ์ในการรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ น้อย จึงขอให้ระมัดระวังในการรับข่าวสารจากหลายช่องทาง และยึดการประกาศจากทางราชการเป็นหลัก เนื่องจากในสถานการณ์เช่นนี้มักจะมีข่าวลือ ข่าวลวง เกิดขึ้นจำนวนมาก