‘วัชรพล’ ยัน เป็นอำนาจ ป.ป.ช.พิจารณาคดี ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’
‘วัชรพล’ ยัน เป็นอำนาจ ป.ป.ช.พิจารณาคดี ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ เชื่อมโยงคดีเตาปูนไม่คืนสำนวนให้ตำรวจ ย้ำ หากไม่คืนสำนวนอาจเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่
พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ ตำรวจนครบาล ระบุว่า ป.ป.ช เตะถ่วงคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ในคดีฟอกเงินจากเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ว่า หน่วยงานทางเทคโนโลยีของตำรวจทำคดีที่มีการกล่าวหานายตำรวจไปเรียกรับเงิน และฟอกเงิน จึงเสนอเรื่องมาที่ ป.ป.ช. โดยตอนแรกเรื่องที่ส่งมาไม่ใช่คดีเข้าข่ายร้ายแรง จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตรับไปดำเนินการ
ต่อมามีการร้องเรียนและมีความเชื่อมโยงกับผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง จึงรับเรื่องไว้ทำเอง ซึ่งถือเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช ที่ดำเนินการไปตามกฎหมาย ป.ป.ช.ที่จะพิจารณาเรื่องนี้และเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน รวมทั้งคดีเตาปูนด้วย จึงรับเรื่องทั้งหมดกลับมาทำ และถือว่าอำนาจหน้าที่ของตำรวจสิ้นสุดลง จึงมีมติให้ตำรวจส่งเรื่องคืน โดยเตือนไป 2 ครั้งแล้ว
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ในการดำเนินคดีที่เกี่ยวเนื่อง ขณะนี้อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช.แล้ว ดังนั้น ใครมีหน้าที่อะไรตามกฎหมายก็ทำตามหน้าที่ ถ้ามองว่า ป.ป.ช.ทำไม่ถูกต้อง มีกระบวนการที่จะตรวจสอบ และถ้า ป.ป.ช. เห็นว่าทำไม่ถูกต้องก็มีกระบวนการที่จะต้องตรวจสอบเช่นกัน
ส่วนกรณีหนังสือของ บช.น.ที่ระบุว่า กฎหมายฟอกเงินไม่ได้อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. และการที่ศาลอาญาออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ก็ถือว่าเป็นคดีอาญา พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นอำนาจศาลที่จะพิจารณา แต่จากเอกสารที่ได้รับมาบางส่วน กรณีที่ศาลออกหมายจับมีบันทึกระบุว่า ศาลได้ถามเจ้าหน้าที่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ หรือผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่เกี่ยว ศาลจึงออกหมายจับดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่
สำหรับสำนวนคดี สน.เตาปูน ที่ ป.ป.ช.คืนให้กับตำรวจนครบาล มีประมาณกว่า 10 คน ที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ส่วนที่เหลือเมื่อวินิจฉัยว่าเป็นความผิดร้ายแรง และความผิดเกี่ยวเนื่องกัน ป.ป.ช.ก็ต้องรับมาดำเนินการและทำให้โปร่งใส รวดเร็ว
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงกรณีที่มีการล่ารายชื่อถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช.ว่า เป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งมีเงื่อนไขอยู่แล้วว่า ป.ป.ช.จะถูกตรวจสอบด้วยเรื่องอะไรได้บ้าง ประชาชนสามารถเข้าชื่อ 20,000 ชื่อ ส่งข้อกล่าวหาไปยังสภาได้ และถ้าสภา ตรวจสอบแล้วพบว่ามีหลักฐานก็อาจจะมีมติส่งให้ประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งผู้ไต่สวนอิสระ และกรรมการ ป.ป.ช.ที่ถูกกล่าวหาจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
ทั้งนี้ กรรมการ ป.ป.ช.ที่รับผิดชอบเรื่องนี้เป็นอดีตตุลาการในชั้นศาลฎีกา และเป็นตุลาการผู้ใหญ่ ทุกเรื่องเมื่อพิจารณาแล้วจะต้องเป็นมติของกรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างถูกต้อง ให้ความเป็นธรรม และจะรีบดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ที่ยังทำไม่ได้รวดเร็วเพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ส่งเรื่องคืนมาให้ ถ้ายังไม่ส่งอีกก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป อาจจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่












