‘พิธา’ ไม่กังวลถูกร้อง ‘ค้อนเคียว’ พร้อมแจงทุกประเด็นกรณีหุ้นสื่อ

‘พิธา’ ไม่กังวลถูกร้อง ‘ค้อนเคียว’ พร้อมแจงทุกประเด็นกรณีหุ้นสื่อ ไม่กังวลหลังมีคำร้องค้ำประกันหนี้ไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช. เชื่อใบแดง กกต.ไม่กระทบจัดตั้งรัฐบาล ด้าน ‘ชลน่าน’ ขอไม่สมมติหาก ‘พล.อ.ประวิตร’ ยุบ พปชร. ลูกพรรคย้ายซบ พท.

วันนี้ (7 มิ.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ชี้แจงเพิ่มเติมหลังการแถลงข่าวหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ต่อกรณีมีผู้ร้องต่อ กกต. ว่าการใช้ภาพค้อนเคียวในการประชาสัมพันธ์ของพรรคก้าวไกล ถือว่าเข้าข่ายปฏิปักษ์ต่อการปกครองหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คำชี้แจงเป็นไปตามที่พรรคก้าวไกลเผยแพร่ไว้เมื่อคืนนี้ เพราะ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล ประกอบไปด้วยชนชั้นเกษตรกรและแรงงาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้ เป็นการแสดงออกถึงเครื่องมือทำมาหากิน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

สำหรับประเด็นความเชื่อมั่นในทางเศรษฐกิจ นายพิธา กล่าวว่า ต้องมีโอกาสพูดคุยกับทุนเก่าและทำธุรกิจอีกหลายคน ว่านโยบายทางเศรษฐกิจพวกเราทั้ง 8 พรรค มุ่งสร้างความเจริญเติบโตและลดความเหลื่อมล้ำไปด้วย เศรษฐกิจหัวโตที่เคยอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างเดียว เมื่อกระจายออกไป จะทำให้เกิดความเข้มแข็งจากฐานราก และเป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกัน

ทั้งนี้ การอนุมานว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างประเทศยูเครนนั้นถือว่าผิดบริบท จึงไม่มีความจำเป็นต้องอนุมานเช่นนั้น พรรคร่วมรัฐบาลจะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อไป ว่าทุกฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์

ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ได้ติดต่อมาแสดงความยินดี ซึ่งเข้าใจว่าธรรมเนียมปฏิบัติของตนและ พล.อ.ประยุทธ์ คงจะแตกต่างกัน แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว พรรคร่วมต่างก็โทรพูดคุยกันเพื่อแสดงความยินดี

“…วันหนึ่งหากผมเป็นนายกรัฐมนตรีและหากแพ้การเลือกตั้งในครั้งหน้า ผมก็ต้องโทรไปหาผู้ชนะเพื่อยอมแพ้ และให้การเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลไร้รอยต่อมากที่สุด โดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง…” พิธา กล่าว

เมื่อถามว่าการเป็นผู้จัดการมรดกหุ้นไอทีวี เริ่มต้นเมื่อไร จบเมื่อไหร และเมื่อเป็น ส.ส.ในปี 2562 ยังถือหุ้นดังกล่าวอยู่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องรอรายละเอียดอย่างเดียว ว่า กกต.จะมีการเรียกไปชี้แจงอย่างไร แต่หากถามถึงเรื่องในครอบครัวของตน ตนเป็นผู้จัดการมรดกเมื่อศาลอนุญาต ตามคำสั่งของศาล ซึ่งการโอนหุ้นออกไปได้ชี้แจงแล้วเมื่อวานนี้ ย้ำว่าตนเป็นผู้จัดการมรดกอย่างเดียว ไม่ได้รับโอนทรัพย์สินดังกล่าวด้วย

เมื่อถามย้ำว่ามีเอกสารยืนยันหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า แน่นอน ส่วนที่ กกต.ตั้งประเด็นนี้ไว้ว่าอาจเข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนขาดคุณสมบัติ แล้วมาลงสมัคร ส.ส.และแคนดิเดตนายกฯ นายพิธา ชี้แจงว่า เท่าที่ตนเห็นตามข่าว เห็นว่าข้อมูลไม่เพียงพอ และกกต.กำลังพิจารณาอยู่ กกต.ยังตั้งรูปคดีอยู่ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องตอบมากไปกว่านี้ ตนยังรอความชัดเจนจาก กกต.

เมื่อถามว่ามองว่าใครอยู่เบื้องหลังการฟื้นคืนชีพไอทีวี นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ต้องพูดให้ชัดว่า ไม่ว่าจะมีความพยายามฟื้นคืนชีพด้วยเหตุผลทางธุรกิจ รวมถึงต้องการสกัดกั้นตนออกจากทางการเมือง ก็ไม่ได้มีปัญหา แต่ความน่าจะเป็นยังมีอยู่ในอนาคต ทำให้ต้องบริหารจัดการความเสี่ยง แต่ต้องย้ำว่า ในอดีตที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นหลักฐาน หรือคำตัดสินทางกฎหมาย ตนคิดว่าไม่มีปัญหาจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวว่า นายพิธา ค้ำประกันหนี้สินจำนวนหนึ่ง โดยไม่แสดงยอดต่อ ป.ป.ช. จะมีผลต่อคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมีการประสานงานกับ ป.ป.ช.อยู่ตลอด หากมีคนร้องจริงกับ ป.ป.ช.ยินดีที่จะตอบคำถาม ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจหรือมีปัญหาแต่อย่างใด

เมื่อถามว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุกับนายพิธา ไม่ได้เป็นเเคนดิเดตนายกฯ ต่อ แคนดิเดตจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในเรื่องอุบัติเหตุทางการเมืองก็อย่างที่บอกว่า เราก็อนุมานได้หลายรูปแบบ ในทุกรูปแบบที่มีมาอยู่ก็เป็นสิ่งที่เราคิดมาก่อนแล้ว เตรียมตัวมาก่อนในชุดสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทางฝั่งเราก็ได้คำนวณคิดไว้โอกาสเกิดอุบัติเหตุ เป็นอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด

ส่วนกรณีที่ กกต.จะมีการให้ใบแดงกับว่าที่ ส.ส. ถ้าหากพรรคก้าวไกลถูกใบแดง สัดส่วนส.ส.ที่เฉือนกับเพื่อไทยแค่ 10 ที่นั่ง จะทำให้การเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ถึงแม้จะเป็นจริงก็ไม่ได้กระทบการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะเยอะจริงหรือไม่ จากที่สอบถามกันภายใน ทราบว่าไม่ใช่ฝั่งนี้แต่น่าจะเป็นฝั่งตรงกันข้าม กลับกันถ้ามีการพูดคุยเรื่องนี้จริง และมีการรับรองส.ส.ไม่ได้จริง มีการเลือกตั้งใหม่ ทางฝั่งเราก็พร้อมที่จะเลือกตั้งใหม่ที่ทำให้เราได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นในฉากทัศน์แรก ว่าเราต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเหมือนที่นายพิธาได้กล่าวไว้ให้มากที่สุด จากการพูดคุยของเรา เราสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ฉะนั้น สถานการณ์สมมติไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ 1 หรือเรื่องที่ 2 ,3 ขออนุญาตไม่สมมุติ และมั่นใจว่าจะไม่เกิดขึ้น

เมื่อถามถึงกรณีข่าวลือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะยอมวางมือจากการเมือง สมาชิกพรรคอาจมีการพิจารณามาอยู่พรรคเพื่อไทย จะเป็นเรื่องดีทำให้พรรคร่วมมีเสียงเพิ่มขึ้นทำให้สภามีการต่อรองมากขึ้น พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะอ้าแขนรับหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มีการพูดคุยกัน และไม่มีการสมมุติว่าจะเกิดขึ้นด้วย