POLITICS

”ชัชชาติ” หารือ กรมราชทัณฑ์ เตรียมผลักดันนักโทษช่วยขุดลอกท่อระบายน้ำ

ส่งเสริมการสร้างอาชีพ เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมรอการระบาย ตั้งเป้า 4เดือนที่เหลือ ให้ได้ 500 ก.ม.

วันนี้​ (7 มิ.ย. 65)​ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมหารือกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เกี่ยวกับการดำเนินงานล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำในกรุงเทพมหานคร โดยให้นักโทษของกรมราชทัณฑ์ เข้ามาทำความสะอาดลอกท่อ เพื่อสร้างประสบการณ์ และสร้างรายได้ให้กับนักโทษในเรือนจำ อีกทั้งยังเน้นย้ำว่าในการจ้างผู้ต้องขังนั้นต้องคำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน ต้องปฏิบัติกับผู้ต้องขังเหมือนกับคนปกติ โดยมีการตั้งงบประมาณ 15ล้าน ในช่วง 4เดือนที่เหลืออยู่ และตั้งเป้าให้กรมราชทัณฑ์ส่งนักโทษเข้ามาขุดลอกท่อระบายน้ำให้ได้ 500 กม.

นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันมีท่อระบายน้ำที่ต้องลอกท่ออยู่ประมาณ 6,500 กิโลเมตร ของสำนักระบายน้ำดูแลมา 2,000 กิโลเมตร ยังคงเหลืออีกประมาณ 4,500 กิโลเมตร แต่ว่าในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณนี้ ได้หารือแล้วว่าจะเริ่มให้กรมราชทัณฑ์ ดำเนินการในวันที่ 1 ก.ค. 2565 งบประมาณ 15 ล้านบาท ระยะทาง 100 กิโลเมตร แต่ความจริงตั้งเป้าไว้ 500 กิโลเมตร แต่ต้องดูในเรื่องของงบประมาณว่าจะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งวันที่ 1 ก.ค. เป็นเพียงกรอบเวลา ที่ตั้งไว้แต่หากทำเร็วกว่านั้นได้ยิ่งดีเพราะน้ำท่วมไม่สามารถรอได้

สำหรับการหารือในวันนี้ จะเริ่มจ้างงานนักโทษ วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยจ้างแรงงานนักโทษ ผ่านกระบวนการระหว่างรัฐ ตามกฏกระทรวงจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมหรือสนับสนุน ปี 63 โดยไม่ต้องเข้ากระบวนการ e-bidding และให้คำนึงถึงค่าแรงสวัสดิการต่างๆตามความสมัครใจของนักโทษ

ทั้งนี้ การจัดจ้างเอกชนมาร่วมทำงานลอกท่อ จะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาลำดับต่อไปตามความเหมาะสม โดยขณะเดียวกันหากมีการลอกท่อจะเชิญประชาชนบริเวณนั้นออกมาดูด้วยจะได้รู้ว่ามีอะไรอุดตัน จะได้เห็นถึงปัญหาในการระบายน้ำ

ด้าน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวขอบคุณทาง กทม. ว่าขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจและให้โอกาสกรมราชทัณฑ์อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ออกมาในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 พร้อมยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนกับผู้ต้องขัง และหากออกมาลอกท่อจะมีสวัสดิการให้ทุกด้าน เช่น เรื่องสุขภาพหากมีการเจ็บป่วยได้จัดเตรียมสวัสดิการไว้ดูแล รวมถึงเรื่องอาหารอบะเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมองว่าการที่ผู้ต้องขังออกมาเป็นการปรับตัวของผู้ต้องขังก่อนพ้นโทษด้วย ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้จัดเตรียมพูดต้องขังไว้จำนวน 1,000 คน 10 เรือนจำ โดยเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม หากไม่เพียงพอจะพิจารณานักโทษชั้นดีมากและชั้นดี ส่วนกำไรที่กรมราชทัณฑ์ได้จาก กทม. 70% จะมอบให้ผู้ต้องขังเก็บไว้

ส่วนมาตราการป้องกันโควิด-19 มี การกำหนดมาตรการไว้แล้วว่า ผู้ต้องขังได้รับวัคซีนครบโดส

รวมถึงผู้ต้องขังที่ออกมาปฎิบัติหน้าที่ ต้องมีการตรวจ ATK ทั้งเข้า และออก และตอนที่มาอยู่ที่ไซต์งานจะไม่อนุญาตให้ออกไปซื้อของ หรือเข้าไปเขตชุมชน รวมทั้งไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยม

Related Posts

Send this to a friend