‘พ.ต.อ.ทวี’ ยัน ‘ยิ่งลักษณ์’ โทษเกินกว่า 5 ปี ไม่เข้าเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำ
‘พ.ต.อ.ทวี’ ยืนยัน อดีตนายกฯ ‘ยิ่งลักษณ์’ มีโทษจำคุกเกินกว่า 5 ปี ไม่เข้าเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำ
วันนี้ (7 ม.ค. 68) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการจำคุกนอกเรือนจำ ที่กรมราชทัณฑ์เตรียมบังคับใช้ในเดือน ม.ค.นี้ว่า ปัจจุบันคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ โดยหลังจากรับฟังความเห็นแล้ว อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็ต้องเอาผลไปพิจารณาให้ละเอียด เพราะอาจยังมีบางคนที่กังวลใจ ขณะนี้รับทราบว่ามีการประชุมกันอยู่ ส่วนใหญ่ตามหลักการก็เห็นด้วย เพียงแต่มีรายละเอียด เช่น ค่าสาธารณูปโภค ถ้าไปอยู่ในที่คุมขังที่เป็นสถานที่ราชการ จะดำเนินการอย่างไร หรือค่ากล้องวงจรปิดที่ต้องรายงานตัว หรือการติดกำไล EM ที่ต้องไปผูกอยู่กับงบประมาณ ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นไปตามระเบียบที่ระบุอยู่แล้ว ซึ่งนำไปสู่การปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์ ทั้งนี้ได้มีการจำแนกผู้ต้องราชทัณฑ์ พัฒนาพฤตินิสัย ให้เอาหลักวิชาการมาใช้มากที่สุด เราอยากให้ราชทัณฑ์เป็นสถานที่ฟื้นฟู ได้มีชีวิตใหม่ ออกมาอยู่ในสังคมได้อีกครั้ง
ส่วนข้อกังวลอื่น ๆ ในเรื่องการรับฟังความเห็นนั้น ให้คณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องภายใน แต่มีประชาชนสนใจมาก และมองว่าจะออกมาเพื่อคนใดคนหนึ่ง แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยว เราจะไม่เอาตัวคนใดอาคนหนึ่งมาตั้ง เพราะประเทศเรามีความแออัดมาก ทุกวันนี้ก็ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิอยู่แล้ว ซึ่งจากนี้เราจะมีที่คุมขังไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการ หน่วยเอกชน ที่เป็นที่คุมขัง ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาด้วยหลักนิติธรรมอย่างแท้จริง ไม่มีว่าเอามาช่วยเหลือคนนั้นคนนี้เด็ดขาด
ส่วนกรณีที่คุมขังเป็นบ้านพักส่วนตัว ก็มีระเบียบอยู่แล้ว และยิ่งจะถูกควบคุมมากด้วยซ้ำ และต้องดูว่าค่าใช้จ่ายในเรื่องการติดตั้งกล้องวงจรปิดของกรมราชทัณฑ์ กับบ้านพักส่วนตัว ระบบจะเป็นอย่างไรและเราจะมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ไปดูแลด้วย สำหรับ 4 กลุ่มคนที่จะได้รับการพิจารณา เข้าเกณฑ์จำคุกนอกเรือนจำ ประกอบด้วย
1.กลุ่มที่ได้รับการจำแนก
2.กลุ่มที่ต้องได้รับการพิจารณาพฤตินิสัย
3.กลุ่มเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย
4.กลุ่มผู้ต้องขังเจ็บป่วย
โดย 4 กลุ่มนี้จะผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการตั้งแต่ระดับเรือนจำ ระดับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งตนให้นโยบายไปว่าไม่อยากให้ใช้ดุลพินิจมากให้ใช้หลักเกณฑ์เพราะถือเป็นกติการ่วมกัน อีกทั้งยังได้จากการรับฟังความเห็น ที่ทุกคนเห็นด้วยในหลักการทั้งหมด และข้อเสนอแนะบางอย่างก็จะนำเข้าไปเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณารัฐมนตรี แต่ในฐานะของคณะกรรมการกรมราชทัณฑ์ ที่มีคณะกรรมการชุดหนึ่ง ซึ่งมีตนเองเป็นประธาน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเช่นปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษา ตำรวจ อัยการ เราก็ต้องดูให้มีการบริหารเป็นไปตามเจตนารมย์ของกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่งเราคำนึงถึงให้เกิดความสมดุล
ส่วนกรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากเดินทางกลับไทยจะเข้าเกณฑ์ 4 กลุ่มนี้ หรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่าไม่ได้เข้าเกณฑ์ เนื่องจากนางสาวยิ่งลักษณ์มีโทษเกิน 5 ปี โดยผู้ที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวจะต้องมีโทษไม่เกิน 4 ปี ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าหากมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ก็จะเข้าเกณฑ์นั้น พ.ต.อ.ทวี บอกว่า ไม่อยากให้พูดถึงประเด็นนั้น แต่ย้ำว่าหากเกิน 4 ปีไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า แต่ถ้าโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ก็เข้าเกณฑ์ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานกรมราชทัณฑ์ปัจจุบันนี้กระทรวงยุติธรรมได้งบประมาณก่อสร้าง ปีละ 1 เรือนจำ แต่เรือนจำแต่ละที่มีอายุเฉลี่ย 90 ปี ซึ่งมีถึง 50 เรือนจำ และมีสภาพทรุดโทรม ซึ่งหลายประเทศใช้วิธีการคุมประพฤติ และเราพบว่า ในประเทศไทยใช้วิธีคุมประพฤติแล้ว มีการกระทำผิดซ้ำน้อยกว่าผู้ต้องขังที่อยู่หลังกำแพง เพราะได้อยู่กับชุมชน และมีมาตรการควบคุมที่หลากหลาย
ส่วนจะสามารถควบคุมนอกเรือนจำได้เมื่อไรนั้น ระเบียบนี้หลังมีขึ้นแล้ว ภายใน 90 วันต้องปฏิบัติตาม เพียงแต่ไม่มีการปฏิบัติตาม และเมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ระบุว่า รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งตนมองว่าคนที่ไม่ออกระเบียบในขณะนั้น อาจจะเป็นประเด็นความกังวลอะไรก็ตาม ถ้าเป็นผู้บริหารที่ไม่มีภาวะผู้นำ การตัดสินใจปฏิบัติตามกฏหมายช้า ก็จะทำให้เรื่องคาราคาซัง และเมื่อเราจะไปประกาศยกระดับนิติธรรมให้เป็นสากล เมื่อมีการวัดและประเมินผล กรมราชทัณฑ์ ได้ผลประเมินต่ำสุดคือ 0.25 จากคะแนนเต็ม 1
เมื่อถามว่า การจำคุกนอกเรือนจำ มีคนที่โดนคดี ม.112 อยู่ในการพิจารณาด้วยกังวลหรือไม่ว่าจะถูกโจมตีทางการเมือง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องความเป็นธรรม เราอย่าไปกลัวจะโดนโจมตี หากเรากล้าหาญที่จะให้ความเป็นธรรมและไม่อคติ












