POLITICS

‘ภัทรพงษ์’ มั่นใจถ้าพรรค ปชน.เป็นรัฐบาลจะไม่ปล่อยผ่าน MOU-แร่สำคัญกับสหรัฐฯ

‘ภัทรพงษ์’ มั่นใจถ้าพรรค ปชน.เป็นรัฐบาลจะไม่ปล่อยผ่าน MOU-แร่สำคัญกับสหรัฐฯ จี้ปรับแก้ถ้อยคำใหม่ และเร่งแก้ปัญหามลพิษจากเหมืองในเมียนมา

วันนี้ (6 พ.ย. 68) นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.จังหวัดเชียงใหม่ พรรคประชาชน ร่วมเวทีเสวนา “MOU สหรัฐฯ เหมืองแร่จีน หายนะไทย” ห่วงโซ่อุปทานแร่สำคัญ (Critical Minerals) ในลุ่มน้ำกก โขง สาละวิน : นโยบายพรรคการเมืองและข้อเสนอภาคประชาสังคม ซึ่งจัดขึ้นโดยหลายองค์กร ที่ Sea junction หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร

นายภัทรพงษ์​ กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อห่วงใยของภาคประชาชนจังหวัดเชียงราย ที่เชื่อว่า MOU-แร่สำคัญระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ไม่ได้มุ่งหวังเฉพาะแร่แรร์เอิร์ธ จึงต้องระมัดระวังไม่ให้ไทยกลายเป็นประเทศฟอกขาว

นายภัทรพงษ์ ชี้ให้เห็นว่า ที่มา MOU ที่ลงนามในวันที่ 26 ต.ค.68 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ใช้เวลาเพียง 4 วัน ก็จบ ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับข้อเสนอจากสหรัฐอเมริกาได้นำหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 22 ต.ค.และนำเข้าครม.นัดพิเศษเห็นชอบในวันที่ 23 ต.ค.68 ทำให้เห็นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

“เมื่อดูที่เนื้อหา ข้อแรกสหรัฐอเมริกา คาดหวังได้รับโอกาสแรกที่จะลงทุนแร่สำคัญที่ขายในไทย และบริษัทที่ตั้งถิ่นฐานในไทย ไม่ใช่แค่เหมืองที่ขุดในไทย แต่ที่ผ่านกระบวนการนำเข้ามาในไทย แม้กรมเหมืองแร่บอกว่า เราไม่เอื้อสหรัฐฯ เรามีพ.ร.บ.แร่ มาตรา 35 ไม่มีใครผูกขาดอาชญาบัตร หรือทำเหมืองในพื้นที่ทับซ้อนได้ แสดงให้เห็นว่ากรมเหมืองแร่มองแค่การทำเหมืองแร่ในประเทศ ไม่ได้มองการนำเข้า การฟอกขาวให้เหมืองที่ทำให้เกิดสารพิษในภาคเหนือ โดยเฉพาะปัญหาผลกระทบจากเหมืองแร่ในเมียนมา”

นาภัทรพงษ์ ระบุว่า เมื่อไปดูการนำเข้าแร่แรร์เอิร์ธของไทย พบว่ามีการนำเข้า 330 ตัน ส่วนใหญ่มาจากมาเลเซีย และส่งออกไปญี่ปุ่น 850 ตัน ซึ่งตัวเลขค่อนข้างต่างกัน ในขณะที่แร่พลวง ซึ่งเป็นแร่สำคัญ มีการนำเข้า 42,000 ตัน จากเมียนมา ส่งออก 40,000 ตันไปจีน แสดงให้เห็นว่าไทยเป็นทางผ่านของแร่พลวง ซึ่งในปี 67 ไทยส่งออกพลวง กลับไปที่เมียนมา ที่ 27,000 ล้านบาท ส่งออกจีน 13,000 ล้านบาท

“ปัญหาของเราระบบ Supply chain ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนนำเข้าพลวงมาจากเหมืองไหน กกหมายแร่ปัจจุบัน ไม่ได้พูดถึงตรงนี้ ทั้งๆที่ประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานปี 2555 กำหนดให้ต้องระบุแหล่งที่มาของเหมืองแร่”

สส.จังหวัดเชียงใหม่ พรรคประชาชน ย้ำว่าปัญหาผลกระทบจากสารพิษที่กำลังเจอในแม่น้ำกก สาย รวก สาละวิน และแม่น้ำกระบุรี เชื่อมโยงกับเหมืองในเมียนมา ซึ่งกำลังส่งผลกระทบถึงน้ำ ปลา และผลิตผลเกษตร อย่างที่ตรวจพบสารปรอทในปลา บางพื้นที่พบ 0.44 มม. แม้จะไม่เกิน 0.5 แต่ไปดูเกณฑ์ EU ไม่เกิน 0.2-0.5 กำหนดให้ทานไม่เกินสัปดาห์ละ 2 มื้อ แต่หน่วยงานของไทยไม่บอกประชาชนเลย

นายภัทรพงษ์ กล่าวว่า ทางแก้ปัญหา รัฐบาลบอกว่า MOU จะยกเลิกเมื่อใดก็ได้นั้น ตนเห็นว่าจะต้องมีการปรับแก้ถ้อยคำใน MOU หรือจะทำเป็นการร่างใหม่ ยกเลิกฉบับเดิมมีฉบับใหม่ ปรับแก้ถ้อยคำที่เราเอื้อให้สหรัฐฯมากเกินไป เช่นอาจปรับให้เหมือนมาเลเซีย ที่ระบุว่า ทั้งสองประเทศต้องทำงานร่วมกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ให้ความเท่าเทียม เพื่อโอกาสในการลงทุน โดยให้ตัด ข้อ 4 ออกไป รวมถึงต้องเพิ่มกฏกระทรวงเพื่อให้ตรวจสอบย้อนกลับด้วยว่า แร่ที่นำเข้ามานั้นมาจากที่ไหน

“สำคัญคือแก้ปัญหาให้ประชาชนคนไทยก่อน เราเจอปัญหามาเกือบปี แต่การแก้ปัญหาที่ต้นตอมองไม่เห็น เรามีการเจาจากับเมียนมาโดยรัฐบาลที่แล้วเมื่อ 20 ส.ค.68 เพียงครั้งเดียว มีคณะทำงานร่วม แต่ยังไม่ได้เริ่มตรวจสอบ ทางเมียนมา โชว์ตัวเลขการตรวจคุณภาพน้ำต้นน้ำ แต่ไม่สอดคล้องกับไทยเลย ซึ่งพรรคประชาชนจะทำงานเชิงรุก จะทำเจรจาระดับพหุภาคี มีจีนไทย เมียนมา และลาว ออกแผนปฏิบัติให้ชัด เพื่อหาต้นตนมลพิษทางน้ำ ไทยต้องเป็นผู้นำในการจัดการปัญหานี้”

นายภัทรพงษ์​ กล่าวว่าหากจะเข้าไปช่วยจัดการปัญหาเมืองแร่ในเมียนมา อาจทำงานผ่านองค์กรระหว่างประเทศที่มีการสนับสนุนทุนในลักษณะการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดนได้ และผลักดันให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถตรวจน้ำประปาได้ทุกเดือน ต้องประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจนว่าจะกินปลาได้หรือไม่ แม้ยังไม่เกินมาตรฐานแต่ต้องมีมาตรการควบคุมการบริโภค รวมถึงการตรวจผลผลิตทางการเกษตร

นายภัทรพงษ์ เชื่อว่าการทำเหมืองแรร์เอิร์ธไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับการทำลายสิ่งแวดล้อม อย่างที่มีข้อมูลว่าไทยมีแรร์เอิร์ธประมาณ 1 ล้านตัน กระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่ไม่เข้มข้น สิ่งที่น่ากังวล เมื่อสหรัฐฯมีสิทธิในการเข้ามาช่วยเหลือที่จะมาวิเคราะห์พื้นที่ ขยายพิกัด เราไม่ควรปล่อยผ่าน เพราะจะเชื่อมโยงไปถึงการใช้อำนาจรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯและรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ในมาตรา 20 ที่จะเพิ่มทางลัดให้กับสหรัฐฯ จึงไม่คุ้มค่าแน่นอน

นายภัทรพงษ์ กล่าวย้ำว่า ถ้าเป็นพรรคประชาชนจะไม่ลงนามใน MOU นี้กับสหรัฐฯและจะไม่ปล่อยผ่านไปตั้งแต่ 20 ต.ค.ต้องให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมานั่งคุยกันแล้ว

Related Posts

Send this to a friend