‘ปดิพัทธ์’ เผยยังตัดสินใจไม่ได้จะสังกัดพรรคไหน มีตัวเลือก 2-3 พรรค แต่ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล
‘ปดิพัทธ์’ ร่วมงานรำลึก 47 ปี 6 ตุลา เผยยังตัดสินใจไม่ได้จะสังกัดพรรคไหน ยืนยันมีตัวเลือก 2-3 พรรค แต่ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล ระบุกับก้าวไกลยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
วันนี้ (6 ต.ค. 66) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ร่วมวางหรีดรำลึกในงาน 47 ปี 6 ตุลา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยระบุว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ตนเองตัดสินใจมาทำการเมือง ซึ่งควรยุติความรุนแรงแบบนี้ลงได้แล้ว และควรจบที่สภา มีหลายอย่างที่ตนมองเห็น ทั้งเรื่องข่าวปลอม โครงสร้างอำนาจ ความรักที่เกินขอบเขตจนกลายเป็นความรุนแรง เรื่องของ 6 ตุลา จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนควรจดจำรายละเอียด ไม่ใช่เพียงแค่วัน
เมื่อถามถึงเรื่องการตัดสินใจในการร่วมสังกัดพรรคใหม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ยังตัดสินใจไม่ได้ เมื่อไปคุยกับพรรคที่เสนอมาก็มีทั้งเรื่องอุดมการณ์ นโยบาย ข้อบังคับ และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา คงไม่รีบตัดสินใจ เพราะวันสุดท้ายคือวันที่ 28 ต.ค. 66 ต้องรอบคอบในการตัดสินใจ และต้องดูความคาดหวังในแต่ละพรรคที่มีต่อตนเองด้วย ขณะนี้มีทั้งพรรคในและนอกสภา แต่ยืนยันว่าไม่ใช่พรรคฝ่ายรัฐบาลอยู่แล้ว มีตัวเลือกอยู่แค่ 2-3 พรรค
สำหรับประเด็นเรื่องเงื่อนไขเบื้องต้น หรือข้อเสนอของแต่ละพรรค นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ไม่มีเงื่อนไขอะไร เพราะไม่มีอะไรที่ต้องตอบแทนกันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นน้ำใจว่ามาอยู่พรรคนี้ได้โดยไม่มีเงื่อนไขใด แต่หากไปอยู่พรรคไหนก็ไม่อยากไปอยู่เฉย ๆ อยากทำอะไรบางอย่างให้พรรคด้วย แต่ต้องขึ้นอยู่กับแนวทางด้วยว่าไปด้วยกันได้หรือไม่ ส่วนเกณฑ์สำคัญในการตัดสินใจของตนเองคือการทำให้นโยบายไม่ปิดกั้น เช่น สภาโปร่งใส หากพรรคมีแนวทางตรงข้ามก็ไปด้วยกันไม่ได้ และต้องดูว่าเปิดให้ตนเองทำงานเต็มที่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงการทำงานหลังจากออกจากพรรคก้าวไกลว่า จริง ๆ ตอนอยู่พรรคก้าวไกลก็สบายใจอยู่แล้ว ไม่มีอะไรมาครอบงำหรือทำให้กดดัน และมีเพื่อน แต่ตอนนี้ต้องทำอะไรคนเดียวมากขึ้น
“ทั้งนี้ความสัมพันธ์กับก้าวไกล ในรายละเอียดก็คงเป็นเรื่องความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่โดยกว้าง ๆ ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดี” นายปดิพัทธ์ กล่าว