POLITICS

หอการค้าสระแก้ว โอด เลือดไหลไม่หยุด เศรษฐกิจชายแดนพัง วอนรัฐเยียวยาก่อนธุรกิจล้มตาย

หอการค้าสระแก้ว โอด เลือดไหลไม่หยุด เศรษฐกิจชายแดนพัง วอนรัฐเยียวยาก่อนธุรกิจล้มตาย หวังสร้างประตูแห่งโอกาสแทนรั้ว ด้าน ‘โรม’ ย้ำต้องบรรลุเป้าหมายความมั่นคงก่อนเจรจาการค้า

วันนี้ (6 ก.ย. 68) ในการประชุมของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ร่วมประชุม ติดตามสถานการณ์ปัญหาความมั่นคงชายแดนในพื้นที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว (บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว) ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว

นายอนุวัฒน์ หวังพนาวงศ์ ตัวแทนหอการค้าจังหวัดสระแก้ว ได้ฉายภาพความบอบช้ำทางเศรษฐกิจอย่างหนัก อันเป็นผลพวงจากความตึงเครียดบริเวณชายแดนและการปิดด่านการค้า พร้อมวิงวอนให้ภาครัฐหันมาเยียวยาภาคธุรกิจ ในที่ประชุมระหว่างคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ภาคเอกชนเข้าใจและยอมเจ็บตัวเพื่อให้ประเทศสามารถรักษาอธิปไตยไว้ได้ แต่สถานการณ์ปัจจุบันเปรียบเสมือน “การยอมให้เลือดไหลโดยไม่รู้เลยว่าเมื่อไรจะถูกห้ามเลือด” ซึ่งสร้างความยากลำบากอย่างแสนสาหัส

อนุวัฒน์ หวังพนาวงศ์ ตัวแทนหอการค้าจังหวัดสระแก้ว

“ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องดำเนินธุรกิจแบบขาดทุนเพื่อพยุงการจ้างงานเอาไว้ แต่หลายคนที่มีเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ สายป่านไม่ยาว ก็จำเป็นต้องปลดพนักงาน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงครอบครัวของแรงงาน ทั้งค่าเล่าเรียนบุตร และค่าเช่าบ้าน เราอยากให้ภาครัฐมองหาแนวทางเยียวยาและสนับสนุน ทำให้ภาคเอกชนสามารถดำรงอยู่ในพื้นที่ให้ได้นานที่สุด ให้พวกเรามีกำลังที่จะยืนหยัดต่อไปได้” นายอนุวัฒน์ กล่าว

ผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดในมุมมองของหอการค้าฯ คือการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าที่สุดของจังหวัด ทุกวันนี้ ลูกค้าในพื้นที่เริ่มพิจารณาจะออกไปหากินพื้นที่อื่น ๆ คนกลุ่มแรกที่ไปคือคนหนุ่มสาวที่มีศักยภาพและผู้ประกอบการ ตามมาด้วยกลุ่มแรงงาน คำถามคือ หากเราปิดตายชายแดนแล้วเหลือไว้แต่ผู้สูงอายุ ซึ่งคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนเกิน 40% ของประชากร จะเป็นผลดีต่อสระแก้วจริงหรือ

นายอนุวัฒน์ เสนอทางออกในมุมมองของภาคประชาชน โดยระบุว่า ความมั่นคงที่แท้จริงในมุมของประชาชนคือความสบายใจที่สามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องหวาดระแวง ไม่ใช่การสร้างรั้วหรือกำแพง พร้อมยื่นข้อเสนอ 4 ข้อถึงคณะกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาผลักดันต่อไป ได้แก่

1.เปิดเวทีเจรจาระดับประชาชน สร้างพื้นที่ให้ประชาชนทั้งสองฝั่งได้พูดคุยถึงความต้องการที่แท้จริงของแต่ละฝ่าย

2.เปิดด่านการค้าบางส่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและประคองเศรษฐกิจในพื้นที่

3.เปิดรับแรงงานมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการตั้งถิ่นฐานถาวร

4.สร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน พัฒนาความสัมพันธ์เพื่อสร้างความมั่นคงที่แท้จริง มากกว่าการแก้ปัญหาด้วยการสร้างรั้ว ส่องกล้อง หรือใช้กำลังทหาร

นายรังสิมันต์ กล่าวภายหลังรับฟังปัญหาด้วยความเข้าอกเข้าใจว่า ความเดือดร้อนของท่าน จะอยู่ในหัวใจของพวกเรา แต่การเยียวยาทางเศรษฐกิจยังเป็นเรื่องยากในสถานการณ์ปัจจุบัน เรายังไม่เห็นความพร้อมของทั้งสองฝ่ายที่จะมาคุยกันเรื่องการค้าและเศรษฐกิจ เราอาจจะต้องเร่งบรรลุเป้าหมายทางความมั่นคงให้ได้ก่อน

แนวทางเฉพาะหน้าคือการใช้งบประมาณกลางเพื่อจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นให้แก่เจ้าหน้าที่ และจะผลักดันการใช้กลไก ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อสร้างแรงกดดันให้ฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าการสร้างความขัดแย้งนั้นไม่คุ้มค่า ซึ่งเมื่อความมั่นคงมีเสถียรภาพแล้ว จึงจะสามารถกลับสู่โต๊ะเจรจาทางเศรษฐกิจได้

Related Posts

Send this to a friend