‘พ.ต.อ.ทวี’ ขู่ฟัน ม.22 ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ หลังส่งหนังสือแจ้งคนอ้างเป็น DSI ข่มขู่อดีตผู้สมัคร สว.
‘พ.ต.อ.ทวี’ ขู่ฟัน ม.22 ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ โทษหนักจำคุกสูงสุด 10 ปี หลังส่งหนังสือแจ้งคนอ้างเป็น DSI ข่มขู่อดีตผู้สมัคร สว.รับเป็นเจ้าหน้าที่จริง
วันนี้ (6 พ.ค. 68) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยอ้างมีเจ้าหน้าที่ DSI ข่มขู่อดีตผู้สมัคร สว. ให้ยอมรับว่ามีการฮั้ว สว.เกิดขึ้นว่า ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบที่จังหวัดอำนาจเจริญ และพยานบุคคลกว่า 10 ปาก ซึ่งพยานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องหนังสือของผู้ว่าฯ นั้น กำลังตรวจสอบ เนื่องจากโดยหลักการสอบสวนคดีพิเศษ เรามี พ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 22 ถ้าเป็นคดีพิเศษผู้ว่ามีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน หากมีการประสานงานไปต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือจะมีโทษที่เกี่ยวข้องจำคุก 1-10 ปี ซึ่งได้ให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ใช้กฎหมายและข้อบังคับ เพราะที่อำนาจเจริญมีพยานกว่า 300 ปาก แต่ไม่จำเป็นต้องสอบทั้งหมด เนื่องจากได้หลักฐานที่เป็นพยานวัตถุ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ สามารถย้อนกลับไปดูในที่เกิดเหตุได้ รวมถึงร่องรอยทางโทรศัพท์ ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอุปสรรคในการสืบสวนสอบสวน แต่ถ้ามีอุปสรรคก็ขอให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ใช้กฎหมายและข้อบังคับ ที่ออกในปี 2547 ดำเนินคดีได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
พ.ต.อ.ทวี ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ 3 คน ที่ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ และถูกร้องเรียน เป็นเจ้าหน้าที่ DSI จริง และได้รับความร่วมมือดี อย่างไรก็ตามผู้ว่าฯ ยังไม่เคยแจ้งว่ามีการข่มขู่พยานมาที่ตนเอง หากผู้ว่าฯ พบการข่มขู่ ขอให้รายงานมาที่ตนเอง อีกทั้งพนักงานสอบสวนของ DSI ลงพื้นที่อำนาจเจริญตามคำเรียกร้องของพยาน ว่าถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงอยากให้ DSI ไปสอบปากคำ
ส่วนขั้นตอนคดีการฮั้วเลือก สว.ยังอยู่ในกระบวนการของพนักงานสอบสวน ตนเองไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ไม่มีปัญหาและอุปสรรค พร้อมย้ำว่าคดีนี้ ไม่มีเรื่องการเมือง ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน เพราะเรื่องเป็นคดีพิเศษก็ว่ากันไป พนักงานสอบสวน จะทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย ข้อบังคับ และพยานหลักฐาน ไม่ได้ เช่นเดียวกันบุคคลจะมีอิทธิพลเหนือกฎหมายไม่ได้
ทั้งนี้ที่ DSI เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา 138 สว. และอีก 2 สว. สำรองนั้น คงต้องไปถามอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้ก็ทำงานหนัก และให้คำนึงว่าเรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจ ขอให้ทุกขั้นตอนมีพยานค้ำยันทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงเส้นทางการเงิน และการใช้โทรศัพท์ติดต่อ ประกอบกับหลักและเหตุผล สำหรับการแจ้งข้อหา มีรายงานว่ามาจะเร่งรัดตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาก็รอดูอยู่ ทั้งนี้ตนเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องการสอบพยานมากนัก เพราะกลัวมีข้อครหาว่าการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ส่วนการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ข้อมูลนั้น ก็ให้รอหมายเรียก ยังไม่แน่ชัดว่าจะทยอยออก หรือออกครั้งเดียว หากการสอบสวนเชื่อมโยงไปถึงรีกการเมืองคนใดนั้นจะดำเนินการหมด ไม่มีละเว้นใคร พร้อมย้ำว่าเรื่องชื่อรัฐมนตรีที่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ไม่เคยออกจากปากตนเอง












