’ภูมิธรรม‘ ส่ง เลขา สมช. เข้าชี้แจง กมธ.ความมั่นคง ปมส่งกลับ 40 อุยกูร์ ‘โรม‘ ถามหามาตรการรับมือ
’ภูมิธรรม‘ ส่ง เลขา สมช.เข้าชี้แจง กมธ.ความมั่นคง ปมส่งกลับ 40 อุยกูร์ ‘โรม‘ ถามหามาตรการรับมือ ขอไทยอย่าโทษประเทศอื่นไม่รับไปดูแล หวั่นเกิดปัญหาระหว่างประเทศ ด้าน ‘ทูตรัศม์‘ ยันส่งไปจีนเป็นทางออกที่ดีที่สุด
วันนี้ (6 มี.ค. 68) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ พิจารณาวาระผลกระทบจากการผลักดัน 40 ชาวอุยกูร์กลับจีน โดยเชิญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าชี้แจง
นางสาวแพทองธาร ได้มอบหมายให้นายภูมิธรรม เข้าชี้แจงแทน โดยนายภูมิธรรม ได้มอบหมายให้นายฉัตรชัย บางฉวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าชี้แจงแทน ขณะที่นายมาริษ ได้มอบหมายให้นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เข้าร่วมประชุมแทน

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า วันนี้จะประชุมติดตามเรื่องชาวอุยกูร์ หลังจากที่มีการหารือกับทุกฝ่ายในคณะกรรมาธิการแล้ว เรามองว่าเป็นเรื่องใหญ่ โดยประเด็นที่จะมีการพิจารณา ส่วนแรกเป็นเหตุผลและความจำเป็นในการส่งคนอุยกูร์ไปที่ประเทศจีน วิเคราะห์เรื่องความชอบของกฎหมายต่าง ๆ เท่าที่ทราบมีการต่อสู้คดีในชั้นศาลอยู่ ดังนั้นการที่เราส่งชาวอุยกูร์กลับโดยที่ศาลยังไม่พิจารณาแล้วเสร็จ จะเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
อีกกรณีคือ ไทยมี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นกฎหมายภายในที่อาจมีผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกรณีที่สถานเอกอัครราชทูตหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ได้ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาที่ประเทศไทย เหล่านี้เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประเทศไทย จึงต้องคุยกันว่าจะมีมาตรการรับมืออย่างไร
”วันนี้เราเอาคนอุยกูร์กลับมา คงเป็นไปไม่ได้ เราไม่สามารถนั่งไทม์แมชชีนไปเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว สิ่งที่ต้องบริหารจัดการคือผลกระทบที่จะตามมา ทั้งด้านสังคม การก่อการร้าย มิติเศรษฐกิจต่าง ๆ “
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่าเราอยากจะรู้ว่าไทยได้อะไรจากการทำเรื่อง ราคาที่ประเทศไทยต้องจ่ายเป็นราคาที่แพง เราในฐานะนักการเมืองของประเทศไทย เราอยากจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วเราได้อะไรจากการส่งคนอุยกูร์ไปที่ประเทศจีน อย่างไรก็ตามวันนี้ตนเองได้เชิญหลายท่านเข้าร่วมประชุม แต่ละท่านไม่ได้ให้ความร่วมมือที่จะตอบข้อซักถาม คงต้องดูในรายละเอียดว่าสุดท้าย คุณจะตัดสินใจในเชิงนโยบายได้หรือไม่ เรายืนยันว่าในการทำหน้าที่เรื่องนี้ ต้องคุยกับคนที่เข้าใจในนโยบาย เพื่อจะนำไปสู่การเตรียมพร้อม และการรับมือต่อไปในอนาคต
ส่วนเรื่องที่เป็นข้อครหา เช่นกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ในการประชุมคณะกรรมาธิการคงจะต้องมีการถาม คนอุยกูร์จะเต็มใจไปหรือไม่ ไม่ใช่แค่ฟังจากเจ้าหน้าที่รัฐฝั่งไทยหรือฝั่งจีนเท่านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องของคำมั่นสัญญา แต่ต้องดูพฤติกรรมว่าในวันที่เขาไป เขาไปด้วยความเต็มใจหรือไม่ มีการบันทึกภาพหรือไม่ ตนเองเชื่อว่ามี อยู่ที่ว่าจะให้หรือไม่ การส่งคนอุยกูร์ไปที่ประเทศจีน ไม่ใช่การส่งครั้งแรก กรณีผู้แทนของประเทศนั้นไปที่ประเทศจีนด้วย ได้ไปดู 109 คนก่อนหน้านี้หรือไม่ว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ถ้าอยากจะมั่นใจว่า 40 คนมีความปลอดภัย วิธีการที่ดีที่สุดคือ ต้องดูล็อตที่แล้วว่าเป็นอย่างไร

ทั้งนี้มีความพยายามแสดงภาพให้เห็นว่า เขาได้เจอครอบครัวและทุกอย่างดูหวานชื่น แต่ก็มีพิรุธเพราะคนที่ลงมา หน้าตาดูไม่ได้เต็มใจหรือมีความสุข คนไม่ได้เจอครอบครัวมา 11 ปี ทำไมหน้าตาดูเศร้าหมอง ไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลายอย่างมีพิรุธ คงต้องให้ให้โอกาสเจ้าหน้าที่ชี้แจงอย่างเต็มที่ หนังสือสัญญาต้องถามว่าตกลงแล้วมีหรือไม่
ส่วนที่จะพาสื่อไปดูที่ประเทศจีน เวลาไปดูแบบนั้น ไม่ใช่วิธีการที่จะนำไปสู่การตรวจสอบที่แท้จริง การตรวจสอบที่แท้จริงต้องให้อิสระในการตรวจสอบและพูดคุย ไม่มั่นใจว่าสื่อมวลชนจะมีอิสระแบบนั้น หากมีอิสระในระดับนั้นอาจจะพอเป็นไปได้ แต่ตนเองไม่คิดว่าอิสระแบบนั้น พ จะมีใครการันตีได้หรือไม่
ขณะที่เรื่องความปลอดภัยต้องดูหลายบริบท ไม่ใช่ดูจากคำสัญญาเท่านั้น ชีวิตคนเกิดอะไรไปแล้วทวงคืนไม่ได้ กรณีนี้เคยเกิดขึ้นที่ต่างประเทศ ศาลเขาดูหลายอย่าง แต่ของเราเริ่มพิรุธตั้งแต่ส่งไปในยามวิกาล ปิดเทปดำ กระบวนการอยู่ในศาลแต่เราก็ยังแอบส่ง หลายอย่างทำให้เราไม่เชื่อมั่นได้ว่า จะเป็นการทำเพื่อคนอุยกูร์จริง ๆ
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการโต้เถียงเรื่องประเทศที่สามที่จะรับชาวอุยกูร์ ตั้งแต่ตนเองเป็น สส.ชุดที่แล้ว ใน กมธ.กฎหมาย มีประเทศที่สามประสงค์จะรับ เพียงแต่ที่ทราบมาโดยตลอดคือ เราไม่กล้าส่งไปที่ประเทศที่สาม เพราะกังวลเรื่องความสัมพันธ์กับจีน ไม่ต้องไปโทษคนอื่นว่าเขาแน่วแน่หรือไม่ เพราะเป็นการแกว่งปากหาเสี้ยน กลายเป็นตำหนิประเทศอื่นว่าไม่แน่วแน่แก้ไข งงมากว่าการทูตของประเทศไทยเป็นอะไรไป จะทะเลาะกับคนอื่นทำไม คุณก็ตอบกันตรง ๆ ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กังวลว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ไทยจีน มันเป็นสิ่งที่พูดคุยกันถึงวิธีการการแก้ไขได้ แต่จะโทษประเทศอื่นว่าสหรัฐฯ หรือตุรกีไม่แน่วแน่เพียงพอ ยิ่งจะทำให้เรื่องนี้เลวร้ายมากยิ่งขึ้น เกิดปัญหาระหว่างประเทศมากขึ้น
ด้านนายรัศม์ ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวช่วงหนึ่งในที่ประชุมสั้น ๆ ว่าการที่จีนให้คำมั่นกับทางการไทย เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เรามี ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีน การปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนชาวไทย เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับชาวอุยกูร์ ทั้งหมดได้ทำไปบนพื้นฐานของกฎหมาย ทั้งกฎหมายไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ













