‘ภูมิธรรม’ ประชุม กบฉ. ประเมินยุทธศาสตร์แก้ปัญหาสันติสุขชายแดนใต้
‘ภูมิธรรม’ ประชุม กบฉ. ประเมินยุทธศาสตร์แก้ปัญหาสันติสุขชายแดนใต้ เผย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปคิดใหม่ เหตุ แก้มา 20 ปีแล้วยังเหมือนเดิม ขอทบทวนเดินมาถูกทางหรือไม่ มอง ’ทักษิณ‘ นั่งที่ปรึกษาฯ ‘อัสวาร์’ ส่งผลบวก ชี้ ไม่กลัวลำบาก
วันนี้ (6 ม.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ ชั้น 3 สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล
นายภูมิธรรม แถลงหลังการประชุมว่า วันนี้มีการประชุมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ทั้งหมด 33 อำเภอ ตอนนี้ลดไปแล้ว 16 อำเภอ เหลือเพียง 17 อำเภอ โดยมีการตั้งคำถามว่าที่เราทำอยู่ทุกวันนี้เรามาถูกทางแล้วหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับงานที่ต้องทำอีกหลายด้านทั้งงานความมั่นคงที่ต้องเผชิญกับเหตุความรุนแรง ซึ่งก็มีความห่วงใยราษฎรและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนถ้าแก้ปัญหาได้ดีขึ้นก็น่าจะเป็นผลบวก
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นคำถาม และจะพูดคุยกันให้จบภายในเดือนนี้ คือตั้งคำถามกับวิธีการทำงาน ยุทธศาสตร์ในการกำหนดเป้าหมายทั้งหมด และวิธีการทำงานทั้งหมดว่ามาถูกต้อง และถูกทางแล้วหรือไม่ ซึ่งได้ให้โจทย์ไปหลายข้อ รวมถึงให้หน่วยราชการช่วยกันคิด ทำไมสถานการณ์เกือบ 20 ปี ยังไม่มีทิศทางที่ดีขึ้นเท่าที่ควรจะเป็น หากยังไม่มีมีการทบทวน หรือประเมิน ก็จะเป็นแบบเดิม ถ้าไม่คิดวิธีใหม่ ผลก็จะเป็นแบบเดิม ดังนั้น จึงต้องมาทบทวนว่าที่ทำมาทั้งหมดเหมาะสมถูกต้องมากน้อยแค่ไหน จึงต้องรู้ว่ายุทธศาสตร์จะเป็นอย่างไร รวมถึงผู้เจรจาที่ขณะนี้ยังไม่ตั้ง แต่ตนเองเสนอว่าต้องกำหนดยุทธศาสตร์ให้ชัด ถึงจะกำหนดยุทธวิธีจัดการปัญหา และตัวบุคคลที่จะเข้ามาดำเนินการ เนื่องจากตนเองตั้งคำถามหลายเรื่อง และเป็นสิ่งที่ประชาชนเป็นห่วงอยู่ ซึ่งทางเลขา สมช. ก็รับปากว่าจะไปจัดการให้ได้คำตอบสิ้นเดือนนี้ และตนเองได้บอกไปว่าไม่ต้องเกรงใจกัน เนื่องจาก สมช. เป็นฝ่ายนโยบาย อยากให้ฟังหน่วยงานในพื้นที่ให้มาก ถ้าตรงไหนมีความลำบากใจที่จะคุย ก็ส่งข้อมูลให้ตนเอง หรือเลขา สมช. โดยตรง เพื่อจัดการปัญหา และทำให้ดีขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน จะส่งผลดีต่อการเจรจาสันติสุขชายแดนใต้ ว่า น่าจะมีผลดีมากขึ้น ตนเองคาดการณ์แบบนี้ เพราะปัญหาชายแดนใต้ มีเรื่องของมาเลเซียด้วยที่ได้รับผลกระทบ และรัฐบาลมาเลเซียเท่าที่ดูในวันนี้ ก็ปรารถนาให้พื้นที่ชายแดน 2 ประเทศมีความสงบ และเป็นพื้นที่ที่สามารถพัฒนาด้านเศรษฐกิจได้ ดังนั้น ความมุ่งหวังที่ตรงกัน และการมีคนไทยไปเป็นที่ปรึกษาเพื่อช่วยเหลือ ก็น่าจะทำให้เกิดผลประโยชน์แก่ประเทศไทย และสิ่งต่าง ๆ ไปในทิศทางที่บวกมากขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวถึงการประสานมาพูดคุยของทางมาเลเซีย ว่า ทั้งหมดมีท่าทีที่ดี แต่ขอไม่เปิดเผยในรายละเอียด ให้เป็นเรื่องในทางปฏิบัติมากกว่า หากพูดไปจะลำบากต่อการทำงาน
เมื่อถามว่า การทำงานของพรรคเพื่อไทยจะลำบากคือหรือไม่ เพราะในอดีตก็ไม่ค่อยเข้ากับพื้นที่ชายแดนใต้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีปัญหาความลำบากคืองานของเรา ถ้าเรากลัวความลำบาก เราไม่ต้องมาเป็นรัฐบาล ฉะนั้น ถ้าเราตั้งใจ และทำให้เกิดความชัดเจนว่าเราปรารถนาดีในสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากได้ ตนเองคิดว่าทุกคนจะต้อนรับ เรื่องนี้เป็นเหมือนกับการแย่งชิงมวลชน ถ้าเรามองมวลชนเป็นเป้าหมาย และให้ประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน แม้ว่าจะถูกคัดค้าน ต่อต้าน หรือทำร้าย เราก็ต้องระมัดระวังป้องกันอย่างเต็มที่ แต่เป็นภารกิจที่เราต้องทำให้สำเร็จ และไม่น่ากังวลใจอะไร เพียงแต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้พอดีเท่านั้นเอง
