POLITICS

‘อนุทิน’ แจงปมข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง ยัน ไม่มีสิทธิ์สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาทำสิ่งที่ขัดหลักกฎหมาย

‘อนุทิน’ แจงปมข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง ยัน ไม่มีสิทธิ์สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาทำสิ่งที่ขัดหลักกฎหมาย ย้ำ ศาลไม่ได้มีวินิจฉัยครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 5,083 ไร่ ชี้ คำพิพากษาบังคับได้เฉพาะกับคู่ความ ขอทุกฝ่ายเคารพคำตัดสินจากศาล

รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตั้งกระทู้ถามไปยัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินบริเวณเขากระโดงว่า ปัญหาข้อพิพาทที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นหนึ่งในกรณีพิพาทที่ซับซ้อนและยาวนานที่สุดในไทย พื้นที่ดังกล่าวมีขนาดกว่า 5,000 ไร่ เดิมเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ภายใต้การบังคับของพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟแลทางหลวง พ.ศ.2464

ต่อมาเอกชนออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินกว่า 5,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำให้เกิดข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับเอกชนขึ้น โดยในปี พ.ศ.2541 คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ พ.ศ.2554 คณะกรรมการป.ป.ช. ยืนยันอีกครั้งว่าโฉนดที่ออกในพื้นที่เขากระโดงเป็นโฉนดที่ออกโดยมิชอบ ในปี พ.ศ.2561 ศาลฎีกาพิพากษายืนยันว่า สิทธิในที่ดินดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมสั่งให้ผู้ครอบคลุมที่ดินเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง

อย่างไรก็ตาม กรมที่ดินไม่ดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบตามคำพิพากษาของศาลฎีกา วันที่ 30 มีนาคม 2566 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้กรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทย ตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยมิชอบ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 คณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินของกรมที่ดินกลับมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่เพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง จากข้อพิพาทดังกล่าวจึงขอเรียนถามว่า

1.กระทรวงมหาดไทยมีมาตรการอย่างไรต่อมติของคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินของกรมที่ดิน ที่ไม่เห็นชอบต่อการเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง แม้จะมีคำพิพากษาที่ชัดเจนจากศาลฎีกาและศาลปกครองกลางแล้ว

2.กระทรวงมหาดไทยจะเร่งรัดให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดงที่ออกโดยไม่ชอบหรือไม่

3.กระทรวงมหาดไทยมีแนวทางอย่างไรในการบังคับใช้กฎหมาย ในการส่งมอบที่ดินคืนให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยตามคำพิพากษาของศาล โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ทับซ้อนส่วนตัว

นายอนุทิน กล่าวชี้แจงว่า การกล่าวอ้างว่าที่ดินจำนวน 5 พันไร่ที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ มีคำพิพากษาจากศาลฎีกาและศาลปกครองกลางว่า เป็นของการรถไฟแล้ว เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและเป็นข้อมูลที่บิดเบือน โดยข้อเท็จจริง ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่มีคู่ความเป็นราษฎรฟ้องการรถไฟ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า สิทธิในการออกโฉนดของชาวบ้านไม่มี ออกไม่ได้ กรมที่ดินได้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฎีกาอย่างครบถ้วน ไม่มีการออกโฉนดใด ๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่กระทรวงมหาดไทยจะฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล และขอยืนยันอีกครั้งว่า คำพิพากษาผูกพันและบังคับได้เฉพาะกับคู่ความก็คือราษฎรที่เป็นโจทย์ในคดี ไม่อาจเป็นเหตุให้กรมที่ดินกระทำการใด ๆ ต่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงอื่น ๆ ได้ ศาลไม่ได้มีวินิจฉัยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5,083 ไร่ การอ้างว่าคำพิพากษาเป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมดจึงเป็นการขยายความเกินขอบเขตของคำพิพากษา

ในส่วนของศาลปกครองกลาง ศาลไม่ได้มีคำสั่งให้กรมที่ดินเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดตามที่มีการสื่อสารคลาดเคลื่อนกันไป แต่ศาลได้สั่งให้อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และเมื่อพิจารณาข้อความเท็จจริงได้เป็นเช่นใด ย่อมเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินที่จะดำเนินการออกคำสั่งตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่เห็นสมควร ซึ่งศาลไม่อาจก้าวล่วงได้ คณะกรรมการชุดนี้มีมติเป็นเอกฉันท์แล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ปิดโอกาสให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังสามารถใช้สิทธิ์ในการต่อสู้คดีความต่อได้

นายอนุทิน ยืนยันว่า มีจริยธรรม ยึดมั่นในกฎระเบียบต่าง ๆ ไม่สามารถสั่งการใด ๆ แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่มีกฎหมายรองรับ หรือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายได้ นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาในทุกกระทรวงที่รับผิดชอบ พร้อมขอให้ทุกฝ่ายเคารพคำสั่งศาล เนื่องจากเป็นคำสั่งสูงสุด

Related Posts

Send this to a friend