POLITICS

‘พริษฐ์’ ปัดตอบยื่นซักฟอกหรือไม่ ขอใช้กลไกสภาฯ ตรวจสอบเข้มข้น

เชื่อ ถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน จ่อประชุมวิปค้านวางกรอบ 9 ธ.ค. นี้

วันนี้ (5 ธ.ค.68) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมวาระ 2 ในวันที่ 10-11 ธ.ค.นี้ ว่า ตนเอวมองใน 2 มิติ คือ มิติแรกเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเปิดประชุมสมัยวิสามัญขึ้นมาจะสามารถเดินหน้าตามกรอบเวลาที่เรียกร้องไปได้ เพื่อให้ทันพิจารณาวาระ 3 ช่วงใกล้ปีใหม่ เรามีความพร้อมในการเดินหน้าพิจารณาวาระ 2 มีบางประเด็นเราสามารถผลักดันได้สำเร็จในชั้นกรรมาธิการ และมีบางประเด็นที่ผลักดันไม่สำเร็จแต่สงวนความเห็นเอาไว้ เช่น ก่อนให้รัฐสภาคัดเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ก็ได้มีการสงวนความเห็นตามร่างหลักของพรรคประชาชน คือ ให้ประชาชนเลือกมาก่อน 70 คน ก่อนส่งรายชื่อให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน

มิติที่สองการที่รัฐสภากลับมาเปิดประชุมก็จะทำให้พรรคฝ่ายค้าน สามารถใช้กลไกสภาในการตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเข้มข้นขึ้น ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำท่วม หรือประเด็นเรื่องสแกมเมอร์ ที่ประชาชนตั้งคำถามเกี่ยวกับภาพที่พึ่งปรากฏ เป็นต้น ทั้ง 2 มิติพอสภากลับมาเปิดเราสามารถเดินหน้าเรื่องรัฐธรรมนูญได้และมีกลไกของสภามากขึ้นในการตรวจสอบรัฐบาล

เมื่อถามว่าได้เน้นย้ำเรื่ององค์ประชุมกับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาทุกคนควรตระหนักอยู่แล้ว ว่าหน้าที่ขั้นพื้นฐานของตัวเองคือการเข้าร่วมประชุม ก็หวังว่าองค์ประชุมจะไม่มีปัญหา ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านเองจะมีการประชุมวิปฝ่ายค้านในวันอังคารที่ 9 ธ.ค.68 เพื่อหารือกันถึงกรอบระยะเวลา และหากมีการอภิปรายเยอะเลยวันที่ 11 ธ.ค.68 ยังมีวันที่ 12 ธ.ค.68 รองรับอยู่ เชื่อว่าวาระ 2 จะจบภายใน 3 วัน

” พรรคประชาชนเองพร้อมปฏิบัติหน้าที่และหวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกภาคส่วนจะเข้าใจถึงหน้าที่พื้นฐานของตัวเองในการเข้าร่วมประชุม ” นายพริษฐ์กล่าว

เมื่อถามว่าการใช้กลไกตรวจสอบรัฐบาลหมายถึงการยื่นซักฟอกหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า พอรัฐสภากลับมาเปิดการประชุมในห้องใหญ่ ก็มีการประชุมกันกลไกต่าง ๆ ที่เราสามารถใช้ได้ก็จะนำมาเป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจสอบรัฐบาลมากขึ้น

ส่วนมีการประเมินหรือไม่ว่ารัฐบาลอาจยุบสภาก่อนพิจารณาวาระ 3 เนื่องจากเจอหลายมรสุม นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลยุบสภาเพื่อหนีการตรวจสอบ ไม่ส่งผลดีต่อมุมมองของประชาชนและตัวนายกรัฐมนตรีแน่นอน

Related Posts

Send this to a friend