POLITICS

‘นันทนา‘ ยื่น ป.ป.ช. สอบ คกก.จริยธรรมวุฒิสภา ผิด ม.157 – ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

‘นันทนา‘ ยื่น ป.ป.ช. สอบคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ผิดม.157 – ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เหตุ เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง กรณี ฮั้ว สว.

วันนี้ (5 พ.ย. 68) นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ แถลงข่าวเรื่องการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและชี้มูล พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา กับพวกรวม 18 คน ว่ามีการกระทำที่อาจเข้าข่ายฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้านแรงหรือไม่ กรณีสอบสวนเรื่องจริยธรรมที่มีผู้ร้องเรียนนางสาวนันทนา โดยไม่ชอบด้วยข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ.2563 และ ระเบียบว่าด้วยการยื่นเรื่องร้องเรียน การรับเรื่องร้องเรียน การนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณา และวิธีพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา พ.ศ.2563 ซึ่งอาจเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้ได้รับโทษทางจริยธรรม

นางสาวนันทนา กล่าวว่า เรื่องนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ได้มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณารายงานการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรมของตน ภายหลังจากที่คณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา ที่มี พลเอกเกรียงไกร เป็นประธานพิจารณาเสร็จแล้ว โดยเห็นว่านางสาวนันทนา มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของวุฒิสภา พ.ศ. 2563 และในที่สุดที่ประชุมวุฒิสภาก็ได้ลงมติด้วยเสียงข้างมาก 130 เสียง ต่อมติที่เห็นว่านางสาวนันทนานั้น ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งทางสภาจะดำเนินการส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. เพื่อดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาและได้รับการลงมติ ตนได้ประสบกับสิ่งที่คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการมาโดยตลอด พร้อมย้ำว่า ในจำนวนคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา 22 คน มีจำนวนคณะกรรมการ 15 คน ที่เป็นผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฮั้วเลือกสว. ซึ่งถือเป็นคู่ขัดแย้งกับตนโดยตรง เนื่องจากตนเป็นผู้ร้องให้มีการถอดถอนสว. ที่ได้รับการแจ้งว่ามีความพัวพันกับคดีฮั้วเลือกสว. ด้วยเหตุนี้ ตนจึงได้ร้องคัดค้านคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา แต่การร้องคัดค้านของตนไม่เป็นผล ขณะเดียวกันคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา ก็ได้ดำเนินการคดีของตนต่อไป จึงถือว่ากระบวนการดังกล่าวดำเนินการโดยมิชอบ เพราะผู้ตัดสินพิจารณาคดี เป็นผู้ขัดแย้งโดยตรงของตน แม้ร้องคัดค้านก็ไม่ดำเนินการในการพิจารณารับฟัง และยังคงดึงดันที่จะพิจารณาต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการกลั่นแกล้งและกีดกันไม่ให้ตนเข้าไปให้ปากคำต่อคณะกรรมการฯ รวมถึงรับการไต่สวนต่อศาลได้ โดยนัดหมายให้ตนเข้าไปให้ปากคำพร้อมพยานในวันที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งตรงกับวันที่ตนได้ยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถไปให้ปากคำได้ และพอจะขอเลื่อนวันก็ไม่ให้อนุญาต ที่สำคัญการดำเนินการในเรื่องนี้ เป็นการดำเนินการที่เกินกรอบเวลา 150 วัน ของคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา ตามระบุเอาไว้ ในระเบียบว่าด้วยจริยธรรม เนื่องจากผู้ร้องได้มาร้องต่อคณะกรรมการตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2567 ซึ่งเมื่อนับถึงวันที่มีการลงมติเป็นเวลารวมแล้ว 316 วัน จึงถือว่ามิชอบและไม่เป็นไปตามกรอบเวลา เพราะฉะนั้นวันนี้ตนจึงยื่นหนังสือกล่าวโทษต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ให้ตรวจสอบและไต่สวนคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา 18 คน

ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ระบุว่า ตั้งทีมขึ้นมาให้การช่วยเหลือนางสาวนันทนา โดยไม่มีค่าจ้าง เราทำด้วยใจ เพราะสิ่งที่เราเห็นเรารู้สึกว่าท่านโดนรังแก จึงยื่นมือเข้ามา ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้รับหนังสือร้องเรียน เราโต้แย้งคัดค้านทุกขั้นตอน ถือว่า 15 คนมีส่วนได้เสีย ไปยื่นสอบ 18 คน วิธีพิจารณาไม่ชอบ และวันนี้จะไปยื่นที่ ป.ช.ช. ต่อจากอันนี้ และตนเองตามอยู่แล้ว หากช้า จะฟ้องคดีอาญาทุจริตด้วย และจากที่ไล่เรียงมา ได้ทำหนังสือร้องเรียนกล่าวโทษพลเอกเกรียงไกร กับพวกรวม 18 คน และคณะกรรมการจริยธรรม และเราโต้แย้งคัดค้านมาโดยตลอด ว่าเป็นวิธีที่มิชอบ จึงต้องร้องต่อ ป.ป.ช. โดยใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ว่ามีการกระทำเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และตนเองได้ยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนพลเอกเกรียงไกร และคณะกรรมการจริยธรรม กับพวก รวม18 คน ว่าเข้าข่ายฝืนมาตราจริยธรรมร้ายแรง

“เราดักบ่อล่อปลาไว้หมดแล้ว พวกนั้นเขาไม่รู้หรอกว่า พวกเราทําอะไรกันไว้ เรารู้อยู่แล้วว่า เราเสียงข้างน้อย เราจึงโต้แย้งคัดค้านทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มกระบวนการตั้งคณะกรรมการ 22 คนนั้น คุณต้องพิจารณาตรงนี้ก่อนว่า กว่า 15 คนในนั้น เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ขณะเดียวกันวันที่ตนเป็นพยาน นางแดงก็ได้ให้การว่า การที่เขาเป็นคนขายหมู เขาภูมิใจมาก การวิพากษ์วิจารณ์เป็นไปโดยสุจริต เพราะเขาไม่มีความรู้ในเรื่องการพัฒนาทางการเมืองเลย เป็นความภาคภูมิใจ ถ้าใครเลือกเข้ามา ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดของเขาเอง ว่าเป็นการด้อยค่า วันเดียวกันนั้น ก็มีการประชุมกันพักใหญ่ ไม่ยอมให้เข้า ไม่รู้ว่ากลัวอะไร เวลาเขาร้อง เขาบอกว่าเราหมิ่นประมาท แม้เรามีสิทธิ์จะชี้แจง แต่ตัวเขาเองไม่ยอม ต่อรองกันมาตั้งนาน ตกลงวันนั้นก็ไม่ได้เข้า โถ่ นี่หรือวุฒิสภา ผมว่าน่าจะยุบนะ เอาแต่สภาผู้แทนราษฎรก็พอแล้ว เปลืองภาษีประชาชน” ทนายอนันต์ชัย กล่าว

Related Posts

Send this to a friend