‘จุลพันธ์’ ค้านเลื่อนระเบียบวาระเลือกนายกฯ ชี้ เดี๋ยวก็ได้เลือก
‘จุลพันธ์’ ค้านเลื่อนระเบียบวาระเลือกนายกฯ ขอเดินหน้าตามระเบียบวาระเดิม ชี้ เดี๋ยวก็ได้เลือกตอนเย็น เผย ต้องดูความพร้อมของ สส. คนอื่นด้วย
วันนี้ (5 ก.ย. 68) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งกำลังอภิปรายก่อนการลงมติเลื่อน หรือไม่เลื่อนระเบียบวาระการเลือกโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมา
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า ตนเองเป็นผู้ที่คัดค้านการเลื่อนระเบียบวาระ วันนี้เราเห็นบรรยากาศในสภา ซึ่งดูแล้ววุ่นวาย และมีความเห็นขัดแย้งแตกต่าง แบ่งเป็นไม่น้อยกว่า 3 เส้า สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันพรรคหนึ่งพยายามลุกลี้ลุกลน อยากจะเลื่อนระเบียบวาระ ต้องการที่จะลงมติให้เร็วที่สุด ตนเองเข้าใจ แต่พวกตนเองบอกว่าควรจะชะลอได้หรือไม่ เพราะการตัดสินใจเรื่องนี้ เป็นเรื่องสำคัญการเลือกลงมติ เพื่อเลือกบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องสำคัญ การที่เราเร่งรัดมันเข้ามาเร็วขึ้นมา แม้ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แต่มันก็ทำให้กระบวนการตัดสินใจของสมาชิกมีผลได้ อีกฝ่ายหนึ่งพยายามแก้ตัวเป็นพัลวันว่าทำไมถึงจะต้องสนับสนุนให้มีนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองอื่น พรรคการเมืองใด
สถานการณ์ในปัจจุบัน เราเห็นกันแล้วว่าจากสิ่งที่มีการตกลงกันระหว่างพรรคประชาชน กับพรรคภูมิใจไทย ตนเองจะไม่อภิปรายว่าขัดต่อหลักการประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญหรือไม่ เข้าไปแล้วกำหนดได้เพียงว่าอยู่ได้แค่ 4 เดือน ถ้าเป็นเสียงข้างมากขัดต่อหลักการประชาธิปไตยมันสุ่มเสี่ยงกับการใช้อำนาจในการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 หรือไม่ ตรงนี้เป็นเรื่องถัดไปที่จะต้องมีการร้องกันต่อ และคงจะต้องมีกระบวนการวินิจฉัยจากฝ่ายอื่นซึ่งไม่ใช่เรา
นอกจากนั้น สิ่งที่ตนเองเป็นห่วงคือเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ยืนยันมาโดยตลอดว่าเอกสิทธิ์ของ สส. เป็นสิ่งสำคัญ ไม่มีใครมากำหนด ไม่มีใครมากะเกณฑ์ หรือบังคับสมาชิกได้ แต่วันนี้ด้วยข้อตกลงที่มันเกิดขึ้นมัน ทำให้เกิดเดดล็อคที่ สมาชิกหลายท่าน ซึ่งมีคนมาคุยกันในวงนอกวงกาแฟอยู่ในความอึดอัด ไม่อยากที่จะลงมติอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ด้วยข้อตกลงที่เกิดขึ้นด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถูกบีบบังคับทำให้เอกสิทธิ์ของ สส. ที่มีอยู่มันหายไป
ส่วนเรื่องของ พรป. พรรคการเมืองซึ่งในแต่ละพรรคมีข้อกำหนดไว้ มีการห้ามเรียกรับผลประโยชน์ในเรื่องการดำเนินการ เช่นการเลือกนายกรัฐมนตรีใด ๆ แต่นี่มีกลไกในการแลกเรื่องการยุบสภา การเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ ซึ่งไปว่ากันข้างหน้า มีหน่วยงานที่จะต้องมาติดตามตรวจสอบ แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน ตนเองมองว่าการเดินหน้าการเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ว่าใครคนใดคนหนึ่งที่ถือว่าพร้อมแล้ว ก็อยากจะเร่งลงมติ แต่สมาชิกท่านอื่นเรามีสมาชิกอยู่ 496 คน ท่านถามเขาหรือยังว่าพร้อมหมดหรือไม่ วันที่ประธานสภาบรรจุระเบียบวาระ ตนเองยังติงเลย เข้าใจว่าเป็นอำนาจของประธานสภา แต่ในเรื่องลักษณะแบบนี้ การเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้เวลาทุกครั้ง เรานัดเป็นนัดพิเศษ เรื่องเปิดมามีวาระเดียว คือการเลือกบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้เวลาไม่น้อยกว่า 3 วันในการนัดหมาย ทุกคนจะได้ไปเตรียมไปคิดมีการประชุมหารือ แต่นี่ใช้วิธีการเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่กำหนดเวลาค่อนข้างสั้น และทุกคนเตรียมการมาแล้วว่าภายในวันนี้ เรามีระเบียบวาระการประชุมใน พ.ร.บ. กิจการกระจายเสียฯ อ.ส.ม. เต็มไปหมด เราก็กะกันว่าต้องพิจารณากฎหมายไปตามลำดับ และจะมีการลงมติในช่วงเย็น
“พวกผมพร้อมเย็นนี้ได้ลงกันแน่ ไม่หนีไปไหน เรื่องสำคัญขนาดนี้ไม่มีใครหนีไปไหน” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า แต่ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการบริหารจัดการเวลา สำหรับการพิจารณากฎหมาย และต่อการเลือกนายกรัฐมนตรี ท่านกำลังจะเลื่อนระเบียบวาระในเรื่องสำคัญ และเกิดมีเพื่อนสมาชิกติดธุระอยู่ข้างนอกเป็นไปได้ เพราะเห็นว่าทุกคนเห็นความสำคัญของเรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรี และถ้าเค้ายังไม่พร้อม เราอย่าเอาความพร้อมของเราแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ท่านต้องเอาความพร้อมของสมาชิกทุกคนที่อยู่ในสภาแห่งนี้ เพราะฉะนั้นตนเองไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนระเบียบวาระ ขอให้คงตามระเบียบวาระเดิม
“วันนี้เราเดินหน้าไปถึงวาระที่ 8 ในการเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใจเย็น ๆ ครับ มันจะถึงมันก็ไปถึง“ นายจุลพันธ์ กล่าว












