‘ศุภชัย’ ย้อนรอย ‘อัลไพน์-เขากระโดง’ ท้า ‘ภูมิธรรม’ ใช้มาตรฐานเดียวกัน

วันนี้ (5 ส.ค. 68) นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันในการจัดการปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์และที่ดินเขากระโดง โดยนายศุภชัยทบทวนข้อเท็จจริงของทั้งสองกรณีเพื่อเปรียบเทียบและตั้งคำถามถึงการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย

นายศุภชัย ย้อนรอยคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ว่า เริ่มต้นจากนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร แต่ต่อมาที่ดินดังกล่าวกลับถูกโอนให้แก่มูลนิธิและขายต่อให้บริษัทเอกชน แม้ในเวลาต่อมาอธิบดีกรมที่ดินในปี 2544 จะมีคำสั่งเพิกถอนการโอนเพื่อคืนที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ แต่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ซึ่งขณะนั้นรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ในที่สุดนายยงยุทธถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

สำหรับกรณีที่ดินเขากระโดง นายศุภชัยชี้แจงว่า มีการเสนอให้เพิกถอนโฉนดมาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินในขณะนั้นได้ตั้งคณะกรรมการตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 ขึ้นมาตรวจสอบ และได้ข้อสรุปว่าการออกเอกสารสิทธิ์นั้นชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง ต่อมาในปี 2564 ศาลปกครองได้มีคำพิพากษาให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งผลการตรวจสอบก็ยังคงเหมือนเดิม คือเห็นว่าการออกเอกสารสิทธิ์ไม่ได้คลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย อธิบดีกรมที่ดินจึงมีคำสั่งไม่เพิกถอนโฉนดตามมติของคณะกรรมการ

อย่างไรก็ตาม นายศุภชัยกล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 นายภูมิธรรมได้ให้นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินอีกครั้ง และนำไปสู่การมีคำสั่ง “ให้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดิน” เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งขัดแย้งกับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดก่อนๆ

นายศุภชัยได้ตั้งข้อสังเกตว่า การกลับคำสั่งไม่เพิกถอนที่เคยผ่านการพิจารณามาแล้วหลายครั้ง อาจเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเช่นเดียวกับคดีอัลไพน์ และได้ทิ้งท้ายเป็นคำถามว่า “เมื่อคดีอัลไพน์มีคนติดคุกไปแล้ว ก็อยากจะติดตามดูเช่นกันว่าในคดีเขากระโดง ใครจะเป็นผู้ที่ต้องติดคุกเป็นรายต่อไป”