ประธานวิปรัฐบาล ให้กำลังใจ ‘ก้าวไกล‘ ลุ้นคำพิพากษาคดียุบพรรค
ประธานวิปรัฐบาล ให้กำลังใจ ‘ก้าวไกล‘ ลุ้นคำพิพากษาคดียุบพรรค 7 ส.ค.นี้ ชี้ ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ’ไทยรักไทย’ ยืนยัน ไม่คิดดึง สส.ก้าวไกล เติมเสียงรัฐบาล เหตุ เสียงเพียงพอแล้ว เชื่อคดี นายกฯ อยู่รอดปลอดภัย
วันนี้ (5 ส.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ซึ่งตรงกับวันประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ว่า เราได้รับการประสานจากวิปฝ่ายค้าน โดยพรรคก้าวไกลมาขอว่า ในวันพุธนี้อยากให้เลิกประชุมไวขึ้น โดยเราก็ยินดีที่จะสนับสนุนในการปรับเวลาให้ตรงกัน แต่ที่สำคัญคือการที่เราให้กำลังใจพรรคก้าวไกล สมาชิกพรรค และ Voter ของพรรคก้าวไกล
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ในการพิพากษาคดียุบพรรคครั้งนี้ เราก็ไม่ทราบว่าผลจะออกมาบวกหรือลบอย่างไร ซึ่งในอดีตพรรคไทยรักไทยก็เคยโดนมาก่อน เราก็ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม และที่ผ่านมาเราก็ยอมรับ แต่ก็ไม่ทราบจริง ๆ ว่าจะออกมารูปแบบแบบไหน
ส่วนการให้กำลังใจพรรคก้าวไกล เพราะก็เจอ และได้ทำงานในสภาฯ ร่วมกัน บางคนก็ตั้งแต่สมัยที่แล้ว ได้พบปะพูดจาในฐานะที่เป็นนักการเมืองเหมือนกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ และได้เห็นว่าหลายคนก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจกันเท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าพรรคก้าวไกล และพรรคภูมิใจไทยจะยื่นสนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมายยุบพรรคการเมือง นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า จะต้องฟังทุกฝ่ายก่อน เพราะตามจริงเราก็ไม่อยากให้มีการยุบพรรค แต่เมื่อทุกสิ่งที่อย่างเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมก่อน ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้เห็นด้วยตั้งแต่ต้น เพราะสมัยพรรคไทยรักไทย เราก็ไม่ได้เห็นด้วยในการยุบพรรค แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันนี้แล้วก็ต้องรอฟังผลคำพิพากษาในวันพุธนี้
ส่วนผลที่จะเกิดขึ้น หากพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคนั้น นายวิสุทธิ์ ระบุว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบจริง สมาชิกที่ทำงานในสภาฯ ก็จะลดลง และสัดส่วนของกรรมาธิการก็จะต้องเปลี่ยน แต่ตนเองไม่อยากพูดถึง เพราะอยากให้ผ่านเหตุการณ์ในวันพุธนี้ไปก่อน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็มีวิธีแก้ไขอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาสัดส่วนของ สส. ต่อ กมธ. ก็มีการปรับเปลี่ยนตามนั้น แต่เหตุการณ์ยังไม่ถึงจะไปว่าก่อนก็คงไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะกระทบจิตใจของหลายฝ่าย เราคงทำได้เพียงให้กำลังใจ และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อ้างว่า พรรคจากรัฐบาลเริ่มมีการไล่ดูด สส.ของพรรคก้าวไกล นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนเองอยู่สภาฯ ก็ยังไม่ทราบข่าว แต่อาจจะมีคนชวนแบบทีเล่นทีจริง ที่ชักชวนกันเป็นเรื่องปกติ แต่เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น และมีการเล่าเป็นปกติว่ามีคนจากพรรคนั้นพรรคนี้ไปดึงมา ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความคิดที่จะไปดูดใครมา
นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวปฏิเสธเรื่องการดึง สส.ของพรรคก้าวไกลมาเติมเสียงรัฐบาลอีกด้วยว่า สส.ของรัฐบาลตอนนี้มีเพียงพอแล้ว ไม่ต้องดึงใครมาเราก็อยู่ได้สบาย เพราะตั้งแต่ตนเองมาเป็นประธานวิปรัฐบาล การประชุมก็ยังไม่ล่มสักครั้ง เพื่อนสมาชิกก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงไม่จำเป็นต้องหาเสียงมาเติมให้มากกว่านี้ ปล่อยให้เขาอยู่ไปเถอะ เราก็ได้แต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในสภาฯ ทำงานร่วมกันได้ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนกระข่าวว่ารัฐบาลจะดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมรัฐบาลนั้น นายวิสุทธิ์ ระบุว่า ตนเองก็ได้ยินข่าวแล้วเช่นกัน แต่ได้ฟังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แล้วว่าเสียงเรามีเพียงพอ มั่นคงแล้ว สามารถโหวตทุกเรื่องผ่านได้สบาย ในวันนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปดึงพรรคไหนมาร่วมรัฐบาลให้มีปัญหาเรื่องโควตารัฐมนตรีอีก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กระแสข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นจากคดีของนายเศรษฐา ที่อาจจะหลุดออกจากตำแหน่ง และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นไปดูด สส.ของก้าวไกลมานั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า คงจะยาก เพราะตนเองเชื่อว่า นายกฯ จะปลอดภัยในเรื่องนี้ และมั่นใจว่าสิ่งที่นายกฯ ทำถูกต้องแล้ว ซึ่งไม่มีอะไรเป็นข้อกังวล แม้แต่คนในพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ และเชื่อมั่นในตัวของนายกฯ และมีแต่ให้กำลังใจในทำงานได้อย่างเต็มที่ และทำงานได้อย่างลุล่วง
สำหรับกรณีที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ จะส่งผลต่อตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และได้มีพรรคใดเสนอแทนแล้วหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สมมุติว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ๆ พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องมาประชุมเรื่องกัน วันนี้ยังไม่มีใครบอกว่าต้องการโควตานี้ ยังไม่มีใครพูด แต่โดยมารยาทพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด มีอะไรก็ต้องปรึกษาหารือกันด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งเราก็ให้กำลังใจนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งก็ทำงานได้ดี
ส่วนกระแสข่าวที่พรรครวมไทยสร้างชาติทวงโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ว่างนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนเองทราบมาเหมือนกัน ได้ยินมาแบบนั้น แต่ยังไม่รู้รายละเอียด