‘ราเมศ’ ยันประชาธิปัตย์ยังไม่คุยตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย
ขอให้รอมติพรรค ชี้จะร่วมงานกับใครต้องไม่ขัดอุดมการณ์พรรค
วันนี้ (5 ส.ค.66) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีสมาชิกพรรคประชาธิปัตยฺ์มีการรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ทั้ง 25 คนของพรรค เพื่อคัดค้านการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากสมาชิกพรรคและประชาชน ไม่ว่าจะสื่อสารมาทางช่องทางใดก็ตาม ในฐานะที่เป็นสถาบันทางการเมือง เราพร้อมรับฟังเสียงสะท้อนทุกเสียงเพื่อนํามาประกอบการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรค
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย นายราเมศ กล่าวว่าในฐานะที่เป็นโฆษกพรรค การดำเนินการในนามพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคยังไม่มีการมอบหมายบุคคลใดให้ไปเจรจากับพรรคการเมืองอื่น ในฐานะที่เราเป็นสถาบันทางการเมือง ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งไปตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะหากจะร่วม คณะกรรมการบริหารพรรคจะต้องมีการเรียกประชุมเพื่อกำหนดท่าที จากนั้นจึงจะมอบหมายบุคคลให้เป็นพูดคุย แล้วคณะกรรมการบริหารพรรคจะนำผลการพูดคุยมาประชุมกับ ส.ส.ทั้ง 25 คนของพรรค ว่าจะมีมติให้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน
ส่วนที่มีการนำเสนอข่าวว่าพรรคมีการติดต่อกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ยืนยันว่าไม่มี สมาชิกที่มีความเห็นแตกต่างกัน หรือมีความเห็นไปในทิศทางใด เป็นความเห็นส่วนตัว ใครจะมีการไปพูดคุยติดต่อกับใครในการร่วมรัฐบาล ไม่ใช่มติพรรค ความชัดเจนที่สุดคือต้องรอมติที่ประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.
เมื่อถามว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยจะเจอวิกฤตศรัทธาหรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่าตอบเรื่องของอนาคตไม่ได้ เพราะต้องมีความชัดเจนก่อนว่าใครจะเป็นรัฐบาล หรือใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่อุดมการณ์ของแต่ละพรรคชัดเจน การต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมาจะเห็นว่าแต่ละพรรคมีอุดมการณ์อย่างไรบ้าง ซึ่งย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว พรรคบางพรรคไม่ใยดีกับหลายเรื่อง แต่หากมีการตัดสินใจไปทางใดทางหนึ่ง ก็ต้องมีการประชุมร่วมกัน ด้วยความเป็นสถาบันทางการเมือง ตนเองไม่มีความกังวล เรายอมรับว่าแพ้การเลือกตั้งรอบนี้ แต่การยอมรับผลเลือกตั้ง ก็จะต้องมีวิธีการที่จะต้องทำอย่างไรก็ได้ให้พรรคมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
สำหรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพรรคต่อพรรค การตรวจสอบการทุจริตโครงการต่าง ๆ ก็จะเป็นผลประกอบการพิจารณาของสมาชิกพรรคว่าจะไปร่วมกับพรรคการเมืองใด ตรงกับอุดมการณ์ของพรรคหรือไม่
เมื่อถามยํ้าว่าหากร่วมกับพรรคเพื่อไทยจะสามารถชี้แจงได้ใช่หรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า ตนเองไม่สามารถตอบได้ เพราะเพียงกรรมการบริหารพรรคหนึ่งเสียง จึงไม่สามารถตอบเรื่องของการร่วมรัฐบาลได้ ต้องมีข้อยุติเป็นมติพรรคก่อน และเมื่อมติพรรคเป็นอย่างไร เชื่อว่าทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ