‘เรืองไกร’ ร้อง กกต. สอบเพื่อไทย ตั้ง ‘ณัฐวุฒิ’ เป็นผู้ช่วยหาเสียง

‘เรืองไกร’ ร้อง กกต. สอบเพื่อไทย ตั้ง ‘ณัฐวุฒิ’ เป็นผู้ช่วยหาเสียง ฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบหรือไม่

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง กล่าวว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า พรรคเพื่อไทยตั้งผู้ช่วยหาเสียง ฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 80 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ข้อ 4 ข้อ 15 ข้อ 16 ข้อ 18 หรือไม่

สืบเนื่องจากการมีการลงข่าวการให้สัมภาษณ์ของ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยข่าวลงไว้ส่วนหนึ่งว่า “กรณีที่อ้างว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองและถูกจำกัดสิทธิเลือกตั้งไม่อาจเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเป็นผู้ช่วยหาเสียงตามระเบียบ กกต. กำหนดไว้เพียงว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น สำหรับนายณัฐวุฒิ แม้จะถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ห้ามสมัครสมาชิกพรรคและห้ามสมัคร ส.ส. แต่ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค เพื่อไทยได้ และพรรคก็ได้แจ้งรายชื่อนายณัฐวุฒิ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไว้แล้ว

ทั้งนี้ ตามข่าวหมายถึง กรณีที่พรรคเพื่อไทย ตั้งนายณัฐวุฒิ เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการปราศรัยหาเสียงมาโดยตลอด หลายครั้ง หลายสถานที่ หลายจังหวัด ดังความที่ปรากฏตามสื่อมวลชนทั่ว ๆ ไป

ส่วนกรณีที่นายชูศักดิ์ ชี้แจงนั้น จึงจำเป็นต้องร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า การที่พรรคเพื่อไทยตั้ง นายณัฐวุฒิ เป็นผู้ช่วยหาเสียง นั้น เป็นไปโดยถูกต้องครบถ้วน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 80 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 ข้อ 4 ข้อ 15 ข้อ 16 ข้อ 18 หรือไม่

มีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือระเบียบดังกล่าว หรือไม่ รวมทั้งขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง มีการกระทำเกินหน้าที่และค่าตอบแทน หรือไม่ พรรคเพื่อไทยได้รับประโยชน์อื่นใดเกินกว่าหน้าที่และค่าตอบแทนที่แจ้งต่อ กกต. ประจำจังหวัด หรือไม่