อิสราเอลเปิดโควตาแรงงานไทยเพิ่ม! 20,000 คนภายในสิ้นปี ค่าตอบแทนสูง-สวัสดิการดี
อิสราเอลเปิดโควตาแรงงานไทยเพิ่ม! 20,000 คนภายในสิ้นปี รองรับภาคก่อสร้าง-โรงแรม-บริบาล ค่าตอบแทนสูง-สวัสดิการดี หวังเซ็นสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับไทยเร็วๆ นี้
วันนี้ (5 มี.ค. 68) ที่สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล นายโยอาฟ เบน ซูร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของอิสราเอล พร้อมด้วยนางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และคณะแถลงข่าวถึงการเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ภายหลังพูดคุยกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทย เพื่อเสริมสร้าง และปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน รวมถึงสร้างช่องทางการสื่อสารโดยตรงระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถหารือประเด็นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายโยอาฟ กล่าวว่า การเดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้เพื่อหวังความสัมพันธ์ของประเทศอิสราเอล และไทยจะดีขึ้น ซึ่งตนมาที่นี่เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับแรงงาน เพราะคนไทยที่มาทำงานในประเทศอิสราเอลก็ถือว่าดีเป็นอย่างมาก คนอิสราเอลก็ชอบแรงงานชาวไทย เพราะทำงานเก่งมาก และนิสัยดี ทางอิสราเอลจึงอยากได้แรงงานเพิ่มอีก การมาครั้งนี้ตนจึงมาหารือเกี่ยวกับแรงงานที่จะไปทำงานเพิ่มในอิสราเอล
โดยตลอด 70 ปี เรามีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับอิสราเอล ซึ่งปัจจุบันเรามีแรงงานชาวไทยทำงานในอิสราเอลเกี่ยวกับการเกษตรมาก เราจึงยังอยากได้แรงงานประเภทอื่นด้วย เช่น ด้านโรงแรม ก่อสร้าง และคนช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งทางอิสราเอลต้องการแรงงานทั่วไปทุกตำแหน่งอยู่ที่ 200,000 คน โดยเฉพาะแรงงานก่อสร้าง และด้านอื่นๆ กว่า 60,000 คน ซึ่งในปัจจุบันมีแรงงานชาวไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลกว่า 40,000 คน และตั้งเป้าไว้ว่าอย่างน้อยที่สุด อยากได้แรงงานมาเพิ่มอีก 20,000 คน ภายในสิ้นปีนี้
อีกทั้ง นายจ้างชาวอิสราเอลก็ชื่นชอบคนไทย เพราะทำงานเก่ง และการทำงานที่อิสราเอลก็มีการดูแลที่ดี เพราะมีสวัสดิการที่ดี และมีกฎหมายที่ชัดเจนมาก รวมถึงคนไทยก็นิยมไปทำงานที่เป็นอิสราเอล จึงเป็นเหตุผลที่อยากได้แรงงานจากประเทศไทย เพราะแรงงานประเทศอื่นยังมีระดับที่ไม่เท่าคนไทย
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่สงครามที่เกิดขึ้นกับประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ก็ส่งผลกระทบกับคนอิสราเอลเป็นจำนวนมาก รวมถึงคนไทยด้วย ก็รู้สึกเสียใจที่ส่งกระทบต่อคนไทย โดยรัฐบาลอิสราเอลได้ช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ซึ่งให้ความช่วยเหลือเทียบเท่ากับคนอิสราเอล ที่เป็นไปตามกฎหมายของประเทศ และรับผิดชอบทุกอย่างทั้งผู้ที่อพยพ และเสียชีวิต รวมถึงการส่งแรงงานชายไทยกลับประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เพียงแค่การจ้างไปทำงาน
แม้ปัจจุบันจะมีสงคราม แต่ไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน และรัฐบาลของอิสราเอลก็ใกล้จะจัดการปัญหาได้หมดแล้ว และได้พูดคุยกับรัฐบาลของไทยเกี่ยวกับคนไทยที่ไปทำงานในปัจจุบันว่า จะต้องไปทำงานในพื้นที่ปลดภัย ไม่ไปทำงานในพื้นที่ที่ยังมีปัญหา เพราะตอนนี้ประเทศอิสราเอลยังคงมีปัญหาอยู่ในพื้นที่ตอนเหนือ และตอนใต้
นอกจากนี้ คนอิสราเอลใช้พื้นที่สวน ซึ่งเป็นจุดที่คนไทยทำงาน สร้างเป็นห้องหลบภัยเมื่อมีระเบิดมา ซึ่งเป็นห้องซีเมนต์ขนาดใหญ่ใช้หลบภัยก็สามารถช่วยทำให้มีชีวิตรอด และเป็นการช่วยแรงงานไทยที่ทำงานในประเทศอิสราเอล นอกจากนั้น ยังมีการอบรมคนไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลเป็นภาษาไทย ในกรณีที่เกิดเหตุระเบิดหรือการโจมตีมา เพราะเมื่อก่อนมีปัญหาที่คนไทยชอบไปถ่ายรูปในขณะที่มีระเบิดโจมตีมาก็เกิดอันตราย
ซึ่งคนอิสราเอลรักคนไทย รูปแบบการใช้แรงงานแต่เป็นเหมือนสมาชิกครอบครัว มีการรับประทานอาหารร่วมกัน เวลามีปัญหาก็สามารถปรึกษาได้ นายจ้างอิสราเอลก็มาเยี่ยมแรงงานชาวไทยที่ประเทศไทย จึงเป็นเหมือนครอบครัวที่อบอุ่นของคนอิสราเอล และคนไทย โดยรูปแบบการไปทำงานที่อิสราเอลก็เป็นรูปแบบแรงงานที่ดี ไม่ใช่รูปแบบคนใช้
ส่วนเหตุผลของการต้องการแรงงานเข้าไปทำงานภายในประเทศเป็นจำนวนมาก เนื่องจากนับตั้งแต่เกิดสงคราม ทางการอิสราเอลไม่อนุญาตให้คนปาเลสไตน์เข้าไปทำงานในประเทศกว่า 150,000 คน แต่ปัจจุบันหลังสงคราม มีหลายอย่างที่ต้องมีการก่อสร้างเพิ่มในประเทศ เช่น บ้านที่อยู่ทางตอนเหนือ และตอนใต้ของอิสราเอลที่ถูกระเบิด จึงต้องใช้การก่อสร้างเป็นจำนวนที่เยอะมาก รัฐบาลจึงอยากได้แรงงานจากประเทศอื่นๆ รวมกว่า 300,000 คน
นายโยอาฟ กล่าวอีกว่า ประเทศอิสราเอลได้รับแรงงานจากหลายประเทศ ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเพียงอย่างเดียว ซึ่งแรงงานจากประเทศอินเดีย, เนปาล, เวียดนาม รวมถึงประเทศจีนอีกด้วย แต่ไม่สามารถทำงานสู้คนไทยได้ จึงอยากได้เพิ่มจากประเทศไทยมากที่สุด
ทั้งนี้ เรากำลังรอเซ็นสัญญากับรัฐบาลไทย แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ในการอนุญาตแรงงานชาวไทยไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งรัฐบาลไทยก็เห็นด้วยในการส่งแรงงานไปทำงานที่อิสราเอลจำนวนมากขี้น เราจึงรอที่จะเซ็นสัญญาในเร็วๆ นี้
สำหรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบเสียชีวิตจากสงครามในอิสราเอล โดยจะได้รับเงินชดเชยก้อนแรกประมาณ 600,000 บาทไทย ซึ่งคู่สมรสจะได้เงิน 90,000 บาทต่อเดือนตลอดชีวิต ส่วนพ่อกับแม่ของเขาจะได้ 80,000 บาทต่อเดือนตลอดชีวิต ขณะที่บุตรจะได้ 20,000 บาทต่อเดือน จนกว่าอายุจนถึง 21 ปี รวมถึงยังเพิ่มระดับสวัสดิการต่างๆ ทันที 50 เปอร์เซ็น และหากคนที่ได้รับผลกระทบหนัก เช่น พิการไม่สามารถทำงานได้ ก็จะได้เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนที่พูดคุยกับรัฐมนตรีแรงงานของไทยคือ รายละเอียดในการให้คนไทยไปทำงานที่อิสราเอล โดยเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานของอิสราเอลที่เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อปรึกษาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย และยังได้เข้าพบรัฐมนตรีแรงงานของไทยด้วย ซึ่งอยากได้สัญญานี้มากๆ และยังบอกอีกว่า แรงงานก็อยากไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลมากที่สุด และส่วนใหญ่ทางอิสราเอลให้แรงงานทำงานในประเทศได้ 5 ปี ซึ่งส่วนใหญ่แรงงานอยากอยู่ต่อ ปัจจุบันจึงปรับให้อยู่ 10 ปีได้ ซึ่งการเซ็นสัญญาในครั้งนี้จะส่งผลดีให้กับคนไทย และคนอิสราเอลอีกด้วย
รวมทั้ง ยังพูดคุยกับรัฐมนตรีแรงงานของไทยในประเด็นเรื่องการคัดเลือก และการอบรม เพราะในอดีตเคยมีกรณีที่นำเข้าแรงงานก่อสร้างจากบางประเทศเข้ามาแล้ว แต่ทำไม่เป็นเลย ก็จำเป็นต้องย้ายสายงานไปทำอย่างอื่นแทน จึงอยากให้รัฐบาลไทยมีการคัดเลือก และอบรมก่อนเข้ามาทำงานในประเทศอิสราเอล













