POLITICS

เปิดพิกัด 5 จุดตัดไฟชายแดนเมียนมา เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เปิดพิกัด 5 จุดตัดไฟชายแดนเมียนมา เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ‘อนุทิน’ ย้ำเป็นเรื่องความมั่นคง ไม่เกี่ยวการเมือง

ภายหลังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจ่ายกระแสไฟฟ้า ณ จุดขายไฟฟ้าระหว่างไทย-เมียนมา จำนวน 5 จุด ตามที่ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หลังมีข้อมูลว่ามีการนำไฟฟ้าจากไทยไปใช้ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. วันนี้เป็นต้นไป

สำหรับ 5 จุดที่มีการตัดกระแสไฟฟ้า ประกอบด้วย

1.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ถึงเมืองพญาตองซู รัฐมอญ ระยะทางระหว่างอุปกรณ์ที่ปลดและจุดแบ่งชายแดนอยู่ที่ 0.15 กิโลเมตร โดยจุดนี้มีบริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากเมียนมา

2.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ถึงเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทาน มีระยะทางระหว่างอุปกรณ์ที่ปลดและจุดแบ่งชายแดนอยู่ที่ 2 กิโลเมตร

3.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายถึงเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉานประเทศเมียนมา โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทาน มีระยะทางระหว่างอุปกรณ์ที่ปลดและจุดแบ่งชายแดนอยู่ที่ 2.50 กิโลเมตร

4.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถึงเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง โดยบริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ บริษัท Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited เป็นผู้ได้รับสัมปทาน มีระยะทางระหว่างอุปกรณ์ที่ปลดและจุดแบ่งชายแดนอยู่ที่ 0.10 กิโลเมตร

5.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านห้วยม่วง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถึงเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ระยะทางระหว่างอุปกรณ์ที่ปลดและจุดแบ่งชายแดนอยู่ที่ 2 กิโลเมตร โดยจุดนี้มีบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry and Manufacturing Company Limited (SMTY) เป็นผู้ได้รับสัมปทาน

สำหรับจุดขายไฟฟ้าระหว่างไทย-เมียนมา จำนวน 5 จุด มีไฟฟ้ารวมกัน 20.37 เมกะวัตต์ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่าการตัดไฟครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่ง กฟภ.ในฐานะผู้ปฏิบัติงานได้ดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด โดยเฉลี่ยแล้วทั้ง 5 จุดที่มีการจำหน่ายไฟ มีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 50 ล้านบาท หรือปีละ 600 ล้านบาท ซึ่งมีรายได้ไม่ถึง 1% ของรายได้ทั้งหมด

สำหรับเรื่องนี้ นายอนุทิน ย้ำว่าเป็นเรื่องของความมั่นคง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เราพบว่าคู่สัญญามีการนำไฟฟ้าไปใช้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกระทบกับความมั่นคง อีกทั้งยังไม่สามารถห้ามเอกชนฟ้องร้องได้ แต่เรามีหลังพิงเพราะเป็นการทำผิดเงื่อนไขในสัญญา พร้อมยืนยันว่าจะรักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชนคนไทย ถ้าไทยขายไฟไปแล้วถูกแปรสภาพกลับมาเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้คนไทยเดือดร้อน เราก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงรายได้ที่เสียไป

Related Posts

Send this to a friend