POLITICS

‘ภูมิธรรม’ เผย ตัดไฟ ตัดเน็ต งดส่งน้ำมัน เป็นมาตรการเฉพาะหน้ากดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์

‘ภูมิธรรม’ เผยตัดไฟ ตัดเน็ต งดส่งน้ำมัน เป็นมาตรการเฉพาะหน้ากดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หวังหยุดเคลื่อนไหว เตรียมตั้งคกก.ร่วมทุกประเทศปราบปรามอย่างเด็ดขาด

วันนี้ (5 ก.พ. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ The Reporters ถึงการงดจ่ายกระแสไฟฟ้า 5 จุดในเมียนมา ว่า เวลานี้ปัญหาภัยคุกคามประเทศเป็นรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วปัจจุบันเกิดขึ้นตามแนวชายแดน ซึ่งอาจทำให้เป็นแนวสุญญากาศหรือมีปัญหาในบางส่วน ก็ยึดโยงกับตนเองที่อยู่กระทรวงกลาโหมด้วย ก็มีทั้งยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ ภัยที่เกิดจากโลกยุคใหม่ อาชญากรรมทางไซเบอร์ พนันออนไลน์ รวมถึงการค้ามนุษย์ ซึ่งทุกเรื่องสัมพันธ์กันหมด และมีบางอย่างที่ต่างคือเรื่องไฟป่า เผาป่า เป็น PM 2.5 แต่ทั้งหมดนี้ผูกพันกันคือเกิดที่ชายแดน

ดังนั้น ถ้าจัดการชายแดนได้ก็จะแก้ปัญหาได้หลายอย่าง ที่ผ่านมาชายแดนของไทยที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีจุดอ่อนตามลักษณะพื้นที่ที่แตกต่างกันไป จึงเป็นที่มาที่เราพยายามทำหลายอย่าง และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ปัญหาเกิดขึ้นมานานมากแล้ว และปัญหาก็หนักมากขึ้น อย่างเรื่องคอลเซ็นเตอร์ สมัยก่อนมีคนโดนก็ไกลตัว ตอนนี้เข้ามาใกล้ตัวแล้ว ทุกคนกลัวหมด มีการใช้จุดอ่อนของมนุษย์ที่อยากได้ อยากลงทุนจากวิกฤตของโลกที่เปลี่ยนแปลงมาหลอก ดังนั้นเมื่อเราจะแก้ไขปัญหาที่ชายแดน แม้จะไม่ใช่หัวใจของปัญหาทั้งหมด แต่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน เพราะมีผลที่เกิดขึ้นรุนแรงมาก คุกคามประเทศ

ใน 2 ปีมีคดีเรื่องนี้กว่า 557,500 คดี ความเสียหายกว่า 68,000 ล้านบาท มูลค่าวันละ 80 ล้านบาท ซึ่งเป็นภัยต่อนานาชาติด้วย มีคนที่ถูกหลอกเข้าไปหลายเชื้อชาติ ค้ามนุษย์ ถือเป็นภัยที่คุกคามประชาคมโลก และไม่ใช่ภาระของประเทศใดประเทศหนึ่ง ทุกคนต้องมาปรึกษาหารือกัน การที่ทุกคนเจอปัญหาที่หนักหน่วงแบบนี้ และเดินทางมาหารือกันนั้น อย่าไปมองว่าใครไม่เข้าไปชี้นิ้ว คนนั้น ไม่ทำหน้าที่ ตนเองว่ามองไม่ครบแล้วมันมีปัญหา จริง ๆ การหารือกันก็เป็นธรรมดา ตนเองหารือที่ประเทศลาวก็ยังพูดคุยกันว่ายังต้องร่วมมือกันแก้ปัญหายาเสพติด และรวมถึงในประเทศอื่น ๆ ด้วย

นายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีนเดินทางมาประเทศไทยและมีการพูดกันว่าการเดินทางมาในครั้งนี้ถือเป็นการตบหน้าประเทศไทย เพราะไม่มีนักการเมืองไปรับ และมีการด่าในโซเชียล ซึ่งตนเองขอชี้แจงว่า ไม่ได้หมายความว่าเขาเข้ามาชี้แล้วเราต้องดำเนินการอย่างไร เรื่องนี้ในฐานะที่ตนเองเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เราได้คุยกันร่วมกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคุยกับรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงของจีนแล้วก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายเดือน ก็พูดถึงภัยที่เราเห็นตรงกันซึ่งจีนก็เดือดร้อน เพราะคนส่วนใหญ่เป็นคนจีน ทั้งคนที่ถูกค้ามนุษย์ไปทำคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งต้นตอปัญหาก็คือจีนเทา เขาก็อยากได้ตัว เราจึงน่าจะร่วมมือกันทำงาน เพราะแก้ปัญหาที่เดียวไม่จบ ดังนั้นการที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีนเดินทางมาคุย เป็นเพราะเราพูดคุยกันมาแล้ว และมาพูดคุยกันอีกครั้งถึงแนวปฏิบัติ ที่มาเมื่อวานก็มาหามาเยี่ยม มาขอบคุณที่เราเปิดทางให้เกิดความร่วมมือกัน โดยเขาได้นำความปรารถนาดีและความหวังดีของรัฐมนตรีจีนด้านความมั่นคงมาขอบคุณ

ส่วนการนำเรื่องนี้มาสู่สภาความมั่นคงแห่งชาตินั้น เป็นเรื่องของการตีความไม่เหมือนกัน และยังไม่ลงตัว ย้ำว่า ไม่ใช่การทะเลาะกัน ตนเองกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เจอกัน ก็ยังคุยกันด้วยดี โดยนายอนุทินไม่ค่อยสบายใจ ที่มีการทำหนังสือถึงการไฟฟ้า เพราะเห็นว่าควรจะเป็นไปตามขั้นตอน ตนเองเข้าใจทั้งสองฝ่าย จึงมีการหารือกันก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี และได้เชิญนายกรัฐมนตรีเข้ามาฟังด้วย จึงได้ข้อสรุปว่าเราไม่ได้เห็นต่างกัน เพียงแต่การตีความเรื่องความเหมาะสมว่าจะทำได้เมื่อไหร่ ตนเองเห็นว่า กฟภ. สามารถทำได้เลยเพราะเป็นคู่สัญญา แต่ด้านนายอนุทินมองว่าเป็นเรื่องความมั่นคง เพราะมีกฎหมายธุรกิจครอบคลุมอยู่หากทำไม่ดีอาจถูกฟ้องได้ แต่ตนเองยึดถือ กฎหมายด้านความมั่นคงเราสามารถสั่งและทำได้ จึงทำตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการเรียกประชุม สมช. ด่วน และเรื่องนี้ไม่ต้องถกกันนานมาก เพราะนายกฯ สั่งการมอบตนเองมาจัดการ ก็ไม่อยากเรื่องเยอะ แล้วจึงเรียกประชุม สมช. เพื่อให้ยืนยันเป็นปัญหาด้านความมั่นคง

ดังนั้น ไม่มีการถกเถียงอย่างที่เป็นกังวล ก็จบลงด้วยดี ถ้าสั่งมาก็พร้อมปฏิบัติทั้งหมด ทั้งฝ่ายข่าวก็ยืนยันว่ามีปัญหา กระทบต่อเศรษฐกิจ ชีวิตมนุษย์ และความเสียหายของประชาชนในประเทศ แม้จะเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า แต่ก็ควรดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยที่เดือดร้อนสบายใจ และประสานหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งต้องยึดถือกฎหมายระหว่างประเทศและต้องทำงานร่วมกัน หลังจากมีมติ ตนเองได้ส่งให้กฤษฎีกาดูว่าผิดกฎหมายหรือไม่ พร้อมประสานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้คุยกับทางเมียนมาว่าจะมีการตัดไฟ

ทั้งนี้ ตนเองได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแจ้งคู่สัญญาว่ามีปัญหา และเราจะดำเนินการ พร้อมคุย กสทช. ให้ตัดเน็ต ซึ่งในพื้นที่ตรงนั้นก็ยังคงมีไฟที่ใช้จากเครื่องปั่นไฟ โดยใช้น้ำมันที่ได้มาจากประเทศเรา จึงสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงพลังงานไปควบคุมการส่งออกน้ำมันไม่ให้ผ่านแดน

นายภูมิธรรม ระบุว่า เราทำ 3 มาตรการหลัก ทั้งตัดไฟ ไม่ให้น้ำมัน ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ส่วนข้องกังวลเรื่องตัดไฟแล้วโรงพยาบาลจะมีปัญหาไหม เราเข้าใจ แต่เราคิดว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ การแก้ไขปัญหาในประเทศเราก็ยังไม่เห็น หรือหน่วยงานในเมียนมาก็ยังไม่รับรู้ ดังนั้น แจ้งไปยังโรงพยาบาลให้รับรู้ ตนเองเชื่อว่าอีกไม่กี่วัน เขาคงมีอะไรที่ป้องกัน เขาคงประคองการใช้ไฟ ใช้น้ำมัน ส่วนที่บอกว่ามีการเตรียมเครื่องปั่นไฟไว้แล้ว ตนเองว่าคิดร้ายเกินไปหน่อย ในพื้นที่นั้นเขารู้อยู่แล้วว่าเป็นจุดอับมีเส้นทางผ่านคือประเทศเราประเทศเดียว ถ้าเราดำเนินการในมาตรการนี้เขาก็ต้องกระเทือง เพราะฉะนั้น การซื้อเครืองปั่นไฟ ซื้อน้ำมันตุนไว้ เขาคงทำได้ ถ้ามีเยอะ คงทำได้หลายเดือน แต่ท้ายที่สุดมันไม่มีอีกแล้ว เป็นมาตรการการกดดันที่ดีขึ้น ยืนยันว่า ไม่ได้ตัดถาวร ถ้าใช้ไฟปกติเพื่อใช้ดำเนินชีวิต เราก็ยินดีที่จะขายให้อีกครั้ง โดยเขาต้องจัดการในพื้นที่ก่อน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ตนเองคิดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาบางอย่างได้

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหานี้ต้องแก้หลายมาตรการก่อนหน้าที่มีการวิจารณ์ว่ามาตรการนี้ไม่ได้ผล เหมือนเล่นปาหี่ อยากให้มองโลกในแง่ดีหน่อย เรื่องนี้เกี่ยวพันกันหลายส่วน อย่างการซีลชาบแดนที่บอกว่าก็ทำกันมาอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้จะมีการลาดตะเวน และนำเทคโนโลยีมาช่วย ถือเป็นการซีลสองชั้น ดังนั้นหากข้ามเข้ามาได้ ก็จะต้องมีจุดพักยาซึ่งเป็นอำเภอที่เรากำหนดไว้ทั้ง 51 จุด ดังนั้น จึงควรอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายปกครองและตำรวจ คือนายอำเภอ กับผู้กำกับหรือรองผู้กำกับที่ดูแลสถานีตำรวจ จะสำเร็จได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ

เมื่อถามว่าการตัดอินเตอร์เน็ต ตัดไฟ งดส่งน้ำมันถือเป็นยาแรงจะมีตัวชี้วัดว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้ในกี่เดือน นายภูมิธรรม ระบุว่า กี่เดือนคงตอบไม่ได้ แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องลดลงอย่างเป็นนัยสำคัญ ต้องลดลงแบบให้เห็นได้ชัด ส่วนที่มีการตรวจสอบชาวต่างชาติที่จะเดินทางไปในพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มข้นขึ้น และมีเหยื่อขาวต่างชาติที่ขอความช่วยเหลือ จะไปกดดันให้มีการปล่อยตัวเหยื่อมากขึ้น ตนเองถือเป็นตัวชี้วัดส่วนหนึ่ง แต่การขอความช่วยเหลือเข้ามานั้น ก็มีการดำเนินการอยู่แล้ว เรามีการพูดคุยกับผู้มีอำนาจของชนกลุ่มน้อยให้ช่วยดำเนินการ ซึ่งขณะนี้เราตัดเส้นทางการขายสินค้าด้วย เขาก็จะลำบากมาก

“เพราะฉะนั้น หากเขากลัวลำบาก เขาก็ต้องจัดการ เขาจะมาทำเป็นรับรู้ แต่สแกมเมอร์ก็ยังทำหน้าที่อยู่ ยังมีคนเงินหายจากบัญชีอยู่ แบบนี้ก็ไม่ได้ ถ้าเขาทำอย่างนั้นได้ เขาก็ต้องรับสภาพที่เรากำลังทำ แต่ถ้าเขาไม่รับสภาพที่ทำ เขาก็ต้องทำให้เห็นว่านำคนออกมาปล่อย ให้ได้กลับบ้าน เขารู้อยู่แล้ว ดังนั้น เขาก็ต้องมีมาตรการให้เราเห็น ไม่ใช่รับทราบไป แต่ยังทำหน้าที่กันต่อ เราก็รับสภาพอย่างนี้ไม่ได้“

นายภูมิธรรม ย้ำว่า ขณะนี้มีการทำงานร่วมกันกับทุกส่วน ทั้งรัฐบาลจากชนกลุ่มน้อย ประเทศเพื่อนบ้าน มาตรการการทำชายแดนสิ่งสำคัญคือ การบูรณาการอำนาจ จึงได้ให้หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.) ที่เป็น Single Command ในการดูบริเวณชายแดนทั้งหมด ก็จะเห็นภาพที่ชัดขึ้น เรื่องนี้สำคัญเอาจริง

นายภูมิธรรม ระบุว่า พรุ่งนี้ตนเองจะลงอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไทยกำลังเอาจริง รวมถึงจะไปเยี่ยมกำลังพล และติดตามมาตรการที่เราจะซีลชายแดน ไปรับรู้รับเห็นข้อเท็จจริงมากขึ้น เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นคงต้องทำกับทุกส่วน ตนเองก็รับตรงนี้ดูแลเต็มที่ จะครบวงจรก็ต้องรอเวลา ส่วนที่ว่าชานแดนมีเยอะแยะ เดี๋ยวก็มุดได้อีก เราก็รู้ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็จะไม่เกิดอะไรเลย ทุกหน่วยงานต้องทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

นายภูมิธรรม กล่าวถึงการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลทั้งจีน เมียนมา และประเทศอื่นๆในภูมิภาคว่าเมื่อวานนี้ได้พูดคุยกันในขั้นต้นว่าอยากเห็นคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน หากอยากแก้ให้จบต้องมีตัวแทนจากกัมพูชา ลาว เมียนมา จีน ไทย แต่ตนเองได้บอกไปว่า การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้เราคุยกัน 3 ประเทศก่อนก็ได้ ถ้าคิดว่าเป็นทางออกที่เกี่ยวข้องกัน ก็เชิญตัวแทนจากไทย จีน เมียนมา มาหารือกัน ภูมิภาคนี้มีเส้นทางชายแดนทางธรรมชาติเยอะ มีบุคลากร ธรรมชาติเยอะ พื้นที่ยังลำบากที่จะต้องเดินทางไปยังที่อื่นเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่จะโทษประชาชนอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเขาต้องเลี้ยงชีพ ซึ่งเราจะต้องประคองไม่ให้เขามีปัญหาได้ จึงได้มอบหมายให้ประสานงานไปยังทูตทหารจีน กลาโหม และเมียนมา โดยน่าจะเกิดผลในไม่นานนี้ ซึ่งจะต้องใช้ศักยภาพของแต่ละประเทศช่วยกัน ถึงจะปิดล้อมเรื่องนี้ มิเช่นนั้น ถ้าไทยกดดันพื้นที่ตรงนี้ ก็จะจะมีการย้ายไปใช้พื้นที่ส่วนอื่นดังนั้นหากร่วมมือกันซีลพื้นที่ทั้งหมด เชื่อว่าปัญหานี้น่าจะลดความตึงเครียดและความรุนแรงที่จะมากระทบต่อนานาชาติทั่วโลก

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat