POLITICS

’พริษฐ์‘ แนะ ผ่าตัดใหญ่ – ปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ หวังให้งบจากความเดือดร้อน

’พริษฐ์‘ ชี้ หากไม่จัดสรรทรัพยากร แก้วิธีใช้เงิน ก็แก้ปัญหาการศึกษาไม่ได้ แนะ ผ่าตัดใหญ่ – ปฏิรูปกระทรวง หวัง ให้งบจากความเดือดร้อน ไม่ใช่มี สส. เขตที่มาจากพรรคเดียวกับ รมต.

วันนี้ (5 ม.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2567 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า วิกฤตที่เชื่อว่า สส.ทุกคนในที่นี้ และประชาชนทุกเฉดสีที่ไม่ได้อยู่ในสภาแห่งนี้เห็นตรงกันว่าเป็นวิกฤตจริง และเป็นวิกฤตลำดับต้น ๆ นั่นคือวิกฤตด้านการศึกษา ซึ่งผลการประเมินระบบการศึกษาหรือ PISA ได้ตอกย้ำ 3 วิกฤตการศึกษาไทยที่เรื้อรัง ได้แก่

1.วิกฤตสมรรถนะ คือ การที่เด็กไทยมีทักษะสู้ต่างชาติไม่ได้และลดลงมาเป็นอันดับที่ 60 จาก 70 กว่าประเทศ

2.วิกฤตความเหลื่อมล้ำที่เด็กไทยมีโอกาสทางการศึกษาไม่เท่ากัน

3.ความเป็นอยู่คือนักเรียนไม่มีความสุขในโรงเรียน ซึ่งไทยอยู่ในลำดับต้น ๆ เรื่องความทุกข์ของนักเรียนไทย และมีความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยในโรงเรียนเป็นอันดับ 4 ของโลก ที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษา

“แต่หากเราไม่เร่งจัดการการจัดสรรทรัพยากร วิธีการใช้เงิน เราจะเพิ่มงบประมาณอีกกี่ล้านบาท เราจะทอดผ้าป่าด้านการศึกษาอีกกี่ครั้ง ก็แก้ปัญหาด้านการศึกษาในประเทศนี้ไม่ได้ เหมือนคนไข้ที่มีปัญหาด้านหัวใจจะเพิ่มเลือดให้เขาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ หากเราไม่ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเขา” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า วันนี้จึงชวนทุกคนมาร่วมผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจที่มีชื่อว่างบประมาณด้านการศึกษา ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ห้องตามประเภทการใช้จ่าย โดยหัวใจห้องที่ 1 มีชื่อว่างบบุคลากร เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด มีขนาด 64% ห้องที่ 2 ชื่อเงินอุดหนุนนักเรียนมีขนาด 26% โดยครอบคลุมถึงการเรียนฟรี 15 ปีหรือโครงการ กสศ. ห้องที่ 3 ห้องงบลงทุน ที่ครอบคลุมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ห้องเรียนต่างๆ มีขนาด 4% และห้องที่ 4 งบนโยบายมีขนาด 6% แม้ปีนี้จะมีงบประมาณเพิ่มมา 1,000 กว่าล้านบาท แต่จะเห็นความพยายามที่รัฐบาลลดงบลงทุนลงเพื่อไปเติมให้ห้องอื่นโดยเฉพาะห้องงบอุดหนุนนักเรียน ซึ่งหากจะดูแค่นี้ไม่เพียงพอ เพราะปีศาจอยู่ในรายละเอียดเสมอ

นายพริษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับห้องงบนโยบายนั้น เพราะเป็นห้องที่รัฐบาลมีอำนาจในการปรับเปลี่ยนการจัดสรร หรือออกแบบงบประมาณใหม่ได้ทันที โดยงบในส่วนนี้ถูกกระจายไปให้โครงการต่าง ๆ ในลักษณะเป็นเบี้ยหัวแตก เห็นด้วยที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาการศึกษา แต่วันนี้ที่ท่านมาของบจากสภาฯ ผมต้องขอให้รับประกัน 2 อย่างคือ การพัฒนาแพลตฟอร์มจะไม่ทำซ้ำซ้อนกันในแต่ละหน่วยงาน และกระบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับจัดทำแพลตฟอร์มจะดำเนินการโปร่งใส บริษัทที่จะเข้ามาพัฒนาแพลตฟอร์มต้องถูกคัดเลือกจากผลงานและความคุ้มค่าจากสิ่งที่เสนอ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดของผู้บริหาร ส่วนปัญหาที่เจอในงบส่วนนี้คือโครงการที่ไม่ควรมีแต่ยังมีต่อ เช่น โครงการรวมมิตรความดี ที่ทำให้เด็กจบออกมาเป็นคนดี เกี่ยวข้องกับจริยธรรม คุณธรรม ซึ่งปีนี้เพิ่มขึ้นมา 160 ล้านบาท ทั้งนี้ไม่ใช่ตนต่อต้านการสร้างศีลธรรม สุจริต แต่ต้องทบทวนในประเด็นที่เป็นปัญหาเกี่ยวข้อง เช่น แป๊ะเจี๊ยะ, ไม่ลงโทษครูที่ทำผิดจริยธรรมหรือกฎหมาย เป็นต้น

นายพริษฐ์ ระบุว่า ห้องงบลงงทุนที่ผมกังวลคือ ใช้เกณฑ์อะไรที่จะปรับงบลงทุนส่วนไหน และใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินว่าจังหวัดไหนจะได้งบมากกว่าหรือน้อยกว่า โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าจังหวัดไหนที่มี สส. เขตมาจากพรรคเดียวกับรัฐมนตรีจะได้งบสูงถึง 24% แต่จังหวัดที่ไม่มี สส. เขตที่มาจากพรรคเดียวกับรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงศึกษา จะได้งบน้อยกว่า ผมหวังว่าการพิจารณาให้งบแต่ละจังหวัดจะอยู่บนพื้นฐานความเดือดร้อนของนักเรียนโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนกันทางการเมือง

สำหรับห้องเงินอุดหนุนนักเรียนนั้น เป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลจัดสรรงบในส่วนนี้มากขึ้นถึง 5.2% แต่ก็ยังห่างไกลจากการศึกษาที่ฟรีจริง เพราะใน 100 บาทที่รัฐบาลให้นั้น เป็นเงินของรัฐบาล 70 บาท และผู้ปกครองยังต้องจ่ายเพิ่มอีก 30 บาท จึงมีข้อเสนอ 3 อย่างคือ เพิ่มเงินอุดหนุนให้นักเรียนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา, การตัดค่าใช้จ่ายด้านศึกษาที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อลดภาระผู้ปกครอง เช่น การลดการบังคับใส่ชุดลูกเสือเนตรนารี และปรับวิธีการใช้งบอุดหนุนไปที่โรงเรียน ส่วนห้องงบบุคลากรนั้น ควรแก้ปัญหาเรื่องครูกระจุกและแก้ปัญหาอำนาจกระจุกโดยการปฏิรูปกระทรวง เพื่อให้การทำงานที่ซ้ำซ้อนลดน้อยลงมาและกระจายอำนาจสู่สถานศึกษาอย่างเต็มที่

“ย้ำว่าการแก้วิกฤตการศึกษาต้องผ่าตัดโครงสร้างใหญ่ คือเรื่องบุคลากร คืนครูให้ห้องเรียน รวมถึงปฏิรูปโครงสร้างกระทรวงลดความซ้ำซ้อน และกระจายอำนาจ, จัดทำหลักสูตรการศึกษาใหม่, กระจายงบลงทุนด้านการศึกษาให้กับจังหวัด ขณะที่เงินอุดหนุนนั้นต้องเพิ่มให้กับเด็กยากจนที่มีแนวโน้มหลุดจากการศึกษา วิกฤตการศึกษาที่เผชิญแก้ไม่ได้จากการจัดงบประมาณแบบเดิมๆ แต่ต้องผ่าตัดใหญ่ รื้อโครงสร้าง โดยไม่ต้องรอให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลเพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้ลูกหลาน” นายพริษฐ์ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend