POLITICS

ศักดิ์สยาม แจงกระทู้สภาฯ ระบุ รฟท. รายงานการเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ถูกต้อง

วันนี้ ( 5 ม.ค. 65) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ถาม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่องการเปลี่ยนป้ายชื่อ จากสถานีกลางบางซื่อ เป็นสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ของการรถไฟแห่งประเทศไทยว่า เหตุใดจึงต้องขอพระราชทานชื่อใหม่ และราคาที่ต้องใช้กว่า 33 ล้านบาทแพงไปหรือไม่ รวมทั้งเหตุใดต้องใช้วิธีการเฉพาะเจาะจงในการจัดซื้อจัดจ้าง

นายจิรัฏฐ์ อภิปรายว่า ป้ายชื่อของสถานีฯ นั้น ประเมินแล้วไม่ได้หนากว่า 40 เซนติเมตร การเชื่อมโลหะก็ไม่ได้สวยเนี้ยบเป็นมืออาชีพ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสำหรับป้ายที่อยู่สูงหลายเมตร แต่ข้องใจกับการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรี และการชี้แจงของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ราวกับว่าป้ายนี้ไม่ธรรมดา คุ้มค่ากับราคา 33 ล้าน ซึ่งดูจากลักษณะการจัดตั้งและคุณภาพแล้ว ไม่เห็นด้วย เมื่อเทียบกับราคานี้อย่างไรก็ไม่คุ้ม

นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า รัฐมนตรีใช้เงินอย่างมือเติบและเกินกว่าเหตุเกินไป การรถไฟฯ น่าจะเป็นหน่วยงานที่ขาดทุนต่อเนื่องทั้งปีจนแทบจะล้มละลาย แต่กลับให้ไปใช้เงินถึง 33 ล้าน โดยระบุว่าไม่แพงและคุ้มค่า เหตุใดจู่ๆ จึงต้องเปลี่ยนชื่อ หากมองว่าเป็นประเพณีแล้วจะติดตั้งป้ายแบบถาวรตั้งแต่แรกทำไม

อีกข้อสงสัยคือบริษัทที่ได้เป็นผู้รับเหมา คือบริษัท ยูนิคฯ ได้เคยมีคดีความฟ้องร้องการรถไฟฯ ซึ่งการรถไฟฯ แพ้คดีไป 7,500 ล้านบาท ทั้งที่มีข้อพิพาทใหญ่ขนาดนี้แต่เมื่อใช้วิธีแบบเฉพาะเจาะจง ก็กลับเลือกเอาบริษัทยูนิคฯ กลับมาดำเนินโครงการอีกครั้ง

ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตอบชี้แจงว่า การก่อสร้างสถานีกลางฯ นั้น ได้ดำเนินโครงการมาอย่างยาวนาน เทียบได้กับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่ที่หนองงูเห่า ก่อนจะได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า สุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นมงคลนาม และใช้งานมาจนเป็นที่ประจักษ์ทั้งในไทยและทั่วโลก ทั่วไปโครงการคมนาคมใหญ่ๆ ล้วนได้พระมหากรุณาธิคุณพระราชทานชื่อเพื่อเป็นมงคล

โดยกระทรวงคมนาคมได้มีการพิจารณาขอพระราชทานชื่อเมื่อ พ.ค. 2564 ก่อนเปิดให้บริการสถานีฯ และต่อมาได้รับหนังสือจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ความว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานชื่อเส้นทางรถไฟและชื่อสถานีมาให้ คือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งมีความหมายว่า เป็นความรุ่งเรืองยิ่งแห่งกรุงเทพฯ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับพระราชทานชื่ออันเป็นมิ่งมงคล กระทรวงคมนาคมจึงสั่งการการรถไฟฯ ให้ติดตั้งป้ายชื่อใหม่ให้เสร็จโดยเร็ว

สำหรับโครงการติดตั้งป้ายชื่อใหม่นั้น งานด้านสถาปัตยกรรม ติดตั้งกระจก โครงอะลูมิเนียมใหม่ มีราคาสูงถึง 24.394 ล้านบาท รวมถึงงานส่วนอื่นๆ เช่นการรื้อถอน ทำให้มูลค่างานทั้งสิ้น 33 ล้านบาท ส่วนที่ดำเนินโครงการแบบเฉพาะเจาะจงนั้น มีเหตุผลการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับโครงการเดิมคือสถานีกลางที่แล้วเสร็จอยู่ในระหว่างค้ำประกันสัญญา หากไม่ใช้วิธีเฉพาะเจาะจงอาจจะเกิดปัญหาได้ ขณะที่ราคาดังกล่าวจะแพงไปหรือไม่ ก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ใช่ผู้กำหนดราคา

ทั้งนี้ เพื่อความโปร่งใสถูกต้องในการดำเนินงาน เมื่อวาน (4 ม.ค. 66) กระทรวงคมนาคมได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างปรับปรุงป้ายชื่อดังกล่าว และจะทราบผลการสอบข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานฯ อธิบดีกรมรางเป็นรองประธานฯ และยังมีผู้แทนจากหน่วยงานอื่นที่ไม่ได้สังกัดกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย ตัวแทนจากสภาวิศวกร กรมบัญชีกลาง วิศวกรรมสถาน สภาสถาปนิกแห่งประเทศไทย

“เรื่องการเปลี่ยนชื่อเป็นประเพณีปฏิบัติ ไม่ใช่ความต้องการของผม ในอดีตหรือแม้แต่ในปัจจุบันก็มีการดำเนินการลักษณะเช่นนี้ เช่น สนามบินหนองงูเห่าที่เปลี่ยนสนามบินสุวรรณภูมิ สถานที่สำคัญของทางราชการหลายแห่งก็ดำเนินการอย่างนี้ หากเห็นว่าเป็นการดำเนินการที่เหมาะสมหรือต้องการสิ่งที่เป็นมหามงคล ถือเป็นการดำเนินการตามปกติ” นายศักดิ์สยาม กล่าว

ส่วนเหตุที่ต้องจ้างบริษัทรายเดิม เพราะโครงการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อยังอยู่ในระยะประกันสัญญา ซึ่งหากเกิดความเสียหายบริษัทรายเดิมก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่เรื่องของคดีความก็ยังไม่ถึงที่สุด สมาชิกฯ ต้องศึกษาระเบียบกฎหมายเกี่ยวกับการชำระเงินให้ดี ซึ่งพบแล้วว่าตามระเบียบไม่สามารถชำระเงินได้ เพราะไม่ได้อยู่ในสัญญา คงต้องมีการอุธรณ์ต่อไป

Related Posts

Send this to a friend