POLITICS

‘ชูวิทย์’ เปิดใจ เหลือเวลาไม่เกิน 8 เดือน หลังป่วยมะเร็ง

‘ชูวิทย์’ เปิดใจ หลังป่วยโรคมะเร็ง ชี้ เหลือเวลาไม่เกิน 8 เดือน ระบุขอใช้ชีวิตในช่วงท้ายในแบบที่ตนเองมีความสุข

วันนี้ (4 ส.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังเดินทางมายื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการทำนิติกรรมอำพราง การซื้อที่ดินย่านสารสินสมัยที่ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ

นายชูวิทย์ได้กล่าวถึงอาการป่วยโรคมะเร็งของตนเอง โดยระบุว่าตนเองขอใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายต่างจากคนอื่น เพราะตนเองกินเหล้า สูบบุหรี่ การที่ตนออกมาแฉ ออกมาพูด เนื่องจากคนอื่นไม่กล้า ซึ่งตนเองทำด้วยความเต็มใจ และทำทุกอย่างด้วยความสุข

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่าแน่นอนลูกเมียของตนเอง และเพื่อนฝูงก็อยากให้อยู่แบบสงบ ไปพักผ่อน แต่ตนเองก็อยากให้ทุกคนทราบว่า ตนได้ใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายที่แตกต่างกับคนอื่น ซึ่งบางคนอาจจะนั่งในสวน หรือบนโซฟา คิดระลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาว่าทำอะไรไป หรืออาจจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลมีสายยางระโยงระยาง หรือไม่วันนึงตนอาจจะตื่นขึ้นมาแล้วเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ซึ่งตนเป็นคนที่ใช้ชีวิตทุกวันให้เหมือนวันสุดท้าย ดังนั้นอะไรที่ตนทำได้ ก็จะทำ อะไรที่มีความสุขทำได้ก็ทำ

“หมอบอกว่าอย่าทำ ผมจึงถามว่าถ้าผมไม่ทำแล้วมันจะหายหรือไม่ เมื่อหมอบอกไม่หาย ถ้างั้นผมทำแล้วกัน เพราะผมทำแล้วมีความสุข ดังนั้นการกระทำของผม ทำให้กับประเทศ และสังคม ผมมีความสุข ผมไม่ต้องการตำแหน่ง จะให้เงินหรือไม่ ผมก็ไม่ต้องการ คุณให้เงินผม ผมก็ไปให้โรงพยาบาล ดังนั้นถ้าถามว่าผมเป็นไรไหม สิ่งที่ผมเป็น มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ผมทำเลย ผมเป็นคนที่ใช้ชีวิตด้วยความสุขในวัยสุดท้าย และวันสุดท้ายอย่างมีความสุข และผมก็เลือกใช้ชีวิตแบบนั้น” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ตนเองไม่เลือกวิถีชีวิตที่กินตามหมอสั่ง เพราะกินแล้วก็ไม่หาย ซึ่งเหมือนว่าถ้ามันไม่หายก็ซ้ำไปเลยให้มีความสุข ในวันนี้เราต้องมีความสุข ฉะนั้นตนจึงอยากจะบอกกับทุกคนว่า “ไวน์ขวดละ 3 แสน มึงรีบเปิดกินเลยนะ กินซะตั้งแต่วันนี้ เพราะกูไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะได้กินหรือเปล่า” นั้นคือการนิยามการใช้ชีวิตของตนเอง บางคนก็อาจจะไม่ได้ใช้ ดังนั้นชีวิตใครชีวิตมัน เมื่อตนเลือกวิถีทางนี้แล้ว มันเป็นวิถีทาง ปลายทางของตน ซึ่งตนเป็นคนใช้ชีวิตแบบนี้ “เลือกเอาความสุขในวาระสุดท้าย”

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า หมอระบุว่าตนเองมีเวลาเหลือไม่เกิน 8 เดือน เชื่อว่าหลายคนคงดีใจ บางคนอาจจะคิดถึงตนเองในวันที่ไม่อยู่แล้ว ซึ่งจะรู้สึกว่าอะไรขาดหายไป แต่วันต่อๆ ไปทุกอย่างก็จะกลับสู่สภาวะเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน โดยตนเองก็จะได้ไปในที่ที่สวยงาม ไปในที่ที่ไปแล้วทุกคนมีความสุข ลูกหลานไม่ต้องไปจัดงานให้สิ้นเปลือง เพราะตนเองได้บริจาคร่างกายไว้แล้ว และมองว่าเรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาขออย่าไปคิดมาก หรือกลัว ส่วนตนเองไม่กลัว คนอื่นจึงต้องกลัวตน เพราะหวังจะเป็นใหญ่เป็นโต ได้รับตำแหน่ง ซึ่งตนเองเห็นว่าไม่เหมาะสมก็เลยต้องนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณา ว่าพฤติกรรมของนายเศรษฐาเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

“ผมมีกำหนดการ เขาแม็กซิมัมผม อยู่ได้ไม่เกิน 8 เดือน เพราะฉะนั้นคุณต้องดีใจนะ คุณอาจจะคิดถึงผมในวันที่ผมไม่อยู่ คุณอาจจะรู้สึกว่ามันขาดอะไรไป แต่วันรุ่งขึ้นทุกอย่างก็เหมือนเดิม มันไม่มีอะไรเปลี่ยน นี้ยังดีนะที่ผมมาคุยกับคุณ ดีกว่าบางคนด้วยซ้ำที่เปิดมาอัมพาต จำอะไรไม่ได้ ผมยังมีโอกาสได้ร่ำลา อย่าไปคิดมาก เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่กลัว คุณถึงกลัวผมไง เพราะหวังว่าจะใหญ่จะโต จะได้ตำแหน่ง แต่ผมเห็นว่าไม่เหมาะสม ก็เลยนำเรื่องนี้มาพูดให้พวกคุณ และให้สังคมได้ฟัง ให้ได้พิจารณา” นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts

Send this to a friend