POLITICS

‘พิธา’ ชี้ พรรคร่วมไม่แตกแถว มีแนวโน้มดีขึ้น

‘พิธา’ ควง ‘ปดิพัทธ์’ แถลงข่าว หลัง โหวตรองประธานสภาฯ จบ พบ คะแนนโหวต 312 เสียง ชี้ พรรคร่วมไม่แตกแถว มีแนวโน้มดีขึ้น ด้าน ‘ปดิพัทธ์’ เผย ฝ่ายนิติบัญญัติ ต้อง ไม่อคติต่อการบรรจุวาระประชุม

วันนี้ (4 ก.ค. 66) ที่อาคารรัฐสภา ภายหลังจากการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เพื่อเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทั้ง 2 คน โดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ ส่วนรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. พิษณุโลก และรองประธานสภาฯ คนที่ 2 คือนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ทางพรรคก้าวไกล จึงได้ลงมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า วันนี้เป็นการแถลงภายหลังจากที่สภาลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอยืนยันถึงเอกภาพของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรคว่าไม่แตกแถว และมีเอกภาพในการโหวตเลือก ซึ่งการเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ นายปดิพัทธ์ มีการเสนอชื่อเพื่อโหวตแข่ง แต่ทั้ง 312 เสียง ไม่รวม พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่เป็นประธานสภา ซึ่งงดออกเสียง ทั้ง ส.ส. ของพรรคก้าวไกลที่ลาออกไป และจากพรรคร่วม 1 คน ที่ไม่ได้มา ซึ่งคะแนนที่ออกมาก็แสดงถึงเอกภาพของพรรคร่วม ทั้ง 8 พรรค และเห็นได้ว่าตัวเลขเพิ่มขึ้น นับป็นแนวโน้มที่ดี ทั้งจากการแถลงข่าว และการทำข้อตกลงร่วมกัน และเป็นแนวโน้มที่ดีมากในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป

“ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนในการพูดคุยจากแกนนำจากพรรคก้าวไกล กับประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ เรื่องกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องชาติพันธุ์ พี่น้องแรงงาน เรื่องสุราก้าวหน้า และสมรสเท่าเทียม จะไม่เป็นอุปสรรคในการมีทั้งบุคคลากรทั้ง 3 ท่าน มาเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ และกฎหมายสำคัญ ทั้งเรื่องการปฏิรูปกองทัพ และกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ก็ได้แถลงไปแล้ว” นายพิธา กล่าว

นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ขอขอบพระคุณในความสนใจ หากได้ติดตามการเลือกตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่หนักอกหนักใจของประชาชน วันนี้ทุกอย่างดำเนินไปได้เรียบร้อยดี และต่อเสียงที่ได้รับ ส่วนมีการเสนอชื่อก็เป็นบรรยากาศในการโหวต และได้รับความไว้วางใจ ซึ่งทางคณะทำงานฯ มีข้อตกลงว่าประธานสภาฯ และทีมจะดำเนินการในวาระอย่างไร ให้สภาไทยก้าวหน้า โปร่งใส เป็นของประชาชนมากขึ้น หลังได้คุยนายวันมูหะมัดนอร์เห็นตรงกันในหลายมิติ จะผสมผสานประสบการณ์ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นส่วนที่ทำให้สภาก้าวหน้าได้รวมถึง สื่อมวลชนสำคัญในการทำการเมือง หรืออิสรภาพของสื่อก็มีความสำคัญ

“เป็นบทบาทใหม่ที่ท้าทายมาก ตนเองได้ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคแล้ว พร้อมเริ่มต้นทำงานอย่างเป็นกลางต่อไป” นายปดิพัทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการโหวตรองประธานสภาฯ นั้น สะท้อนให้เห็นอะไร นายพิธา ระบุว่า แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยการลงมติครั้งแรก เห็นความเป็นเอกภาพทั้ง 8 พรรคยังเต็ม 100% และเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเลือกนายกรัฐมนตรี พร้อมมั่นใจว่าจะมีบรรยากาศที่ดีในการโหวตเลือกนายกฯ ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีวาระใดเร่งด่วนที่จะบรรจุในการประชุมสภาฯ นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ตอบไม่ได้ตอนนี้ขอหารือกับประธานสภาฯ ก่อน ซึ่งจะทำหลังจากการโปรดเกล้าฯ แต่สิ่งที่ทำได้ทันทีคือการปรับปรุง และการพิจารณากฎหมายต่าง ๆ คาดว่าหลังจากนี้จะได้รับความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าในกรณีเรื่องของกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่งดออกเสียงในครั้งที่แล้วจะชี้แจงอย่างไร นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ครั้งที่แล้วตนเองอยากแสดงตัวในฐานะศาสนิกชน จึงงดออกเสียงในวาระที่ 1 เท่านั้น ซึ่งในฐานะ ส.ส. จะโหวตเห็นด้วยในวาระที่ 2 และ 3 ส่วนหากมีการบรรจุญัตติ ประธานต้องไม่มีอคติต่อญัตติทุกญัตติ ซึ่งจะพิจารณาว่าเนื้อหาถูกต้อง ทำตามขั้นตอน และไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เมื่อถูกต้องตามขั้นตอน ก็ใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้วินิจฉัย

ทั้งนี้ นายพิธา ยังตอบคำถามสื่อมวลชนเรื่องของความกังวลในการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ตนเองมั่นใจ แม้จะมีเรื่องหุ้นสื่อ หรือเรื่องที่ดิน ซึ่งพร้อมชี้แจงต่อ ป.ป.ช. ทั้งหมด และตอนนี้ยังไม่มีเอกสารที่ติดขัดในส่วนไหน

ผู้สื่อข่าวถามต่อจากกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้พรรคที่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้เป็นไปก่อน และจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากไปเอง นายพิธา ระบุว่า ต้องถามนายวิษณุเอง ว่าหมายความว่าอะไร ก่อนทิ้งท้ายว่า ตนเองไม่ได้หนักใจในเรื่องใด ตอนนี้เน้นจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และความขัดแย้งของ 8 พรรคร่วมในการทำงานนั้นไม่เคยคิดอยู่ในใจตนเอง

Related Posts

Send this to a friend