POLITICS

เปิดใจ ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ หลังนั่งประมุขนิติบัญญัติ

เปิดใจ ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ หลังนั่งประมุขนิติบัญญัติ เดินหน้าปฏิรูปรัฐสภา ทำงานโปร่งใส ยันไม่ใช่คนของพรรคไหน แต่เป็นคนของประชาชน

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าเป็นการกลับมาที่รัฐสภาในรอบ 27 ปี หลังจากได้รับเลือกเป็นประธานสภาฯ ครั้งแรกเมื่อปี 2539 เหมือนได้กลับบ้านมาอีกครั้งหนึ่งในตำแหน่งเดิม รู้สึกดีใจเหมือนเป็นฝันที่ดีเพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง ไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาในตำแหน่งนี้อีกครั้ง เพราะชีวิตผ่านอะไรมาเยอะ จึงขอมาเป็นผู้แทนของประชาชนในช่วงชีวิตที่ยังพอทำงานได้อีกครั้ง แต่เมื่อมีเรื่องที่บ้านเมืองต้องการให้มาช่วยกัน และบ้านเมืองนี้เป็นของพวกเราทุกคน ถึงเวลาจึงต้องมาทำอย่างเต็มที่เต็มความสามารถ ส่วนจะทำได้มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับความร่วมมือของสมาชิกรัฐสภา และผู้ที่เกี่ยวข้อง

ย้อนกลับไปในวินาทีที่ถูกทาบทามให้มาทำหน้าที่ประธานสภาฯ รู้สึกว่าทำไมจะต้องมาลงที่นี่ เพราะที่ผ่านมาปรารภกับพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยตลอดว่าขอให้ตกลงกัน เชื่อมั่นว่าบุคคลจากทั้งสองพรรคมีความสามารถเหมาะสมในตำแหน่งนี้ ส่วนตัวยินดีให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ ในฐานะที่เป็นประธานสภาฯ มาก่อน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้โทรมาทาบทามภายหลังประชุมคณะทำงานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล 8 พรรค ระบุว่าจำเป็นต้องเอาคนกลางมาทำหน้าที่เป็นประธานสภาฯ ส่วนตัวไม่เคยคิดมาก่อน เพียงแต่วันรุ่งขึ้นจะต้องเข้ารัฐพิธีแล้ว จึงอยากเห็นในสิ่งที่ประชาชนมองว่าเดินหน้าไปได้ เขาก็บอกว่าดูแล้วมันยาก หากเราช่วยรับจะทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น จึงขอไปพูดกับพรรคก้าวไกลให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการรับตำแหน่ง ซึ่งหากตกลงแล้วต้องบอกพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย ปัญหาอยู่ที่สองพรรคต้องคุยกันให้จบ

คืนวันเดียวกันเวลา 22.00 น. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ขอมาพบที่บ้านพักบอกว่ามีเรื่องด่วนสำคัญ ซึ่งนายชัยธวัชรู้สึกตกใจที่ทราบข่าว จึงอยากมาทราบเรื่องด้วยตนเอง หากยินดีรับตำแหน่งประธานสภาฯ เขาจะไปคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคเพราะเป็นเรื่องกะทันหัน หากทั้งสองพรรคตกลงกันได้ ตนเองยินดีที่จะทำงานให้แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย

ในวันที่ 3 ก.ค.66 ที่มีรัฐพิธีเปิดประชุมสภาฯ ได้พูดคุยกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย แลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการปฏิรูประบบรัฐสภา การเสนอกฎหมาย และการอำนวยความสะดวกประชาชน ซึ่งตนเองเห็นด้วยกัยพรรคก้าวไกลทุกประการทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติมีภาพที่ดีสำหรับประชาชน ทำให้รัฐบาลเดินหน้าไปได้เพราะรัฐบาลต้องเสนองบประมาณ เสนอญัตติ เสนอกฎหมายเข้าสภาฯ เราต้องช่วยกันทำให้สภาฯ มีประสิทธิภาพ ส่วนตัวสนับสนุนพรรคก้าวไกลในตำแหน่งประธานสภาฯ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงการปฏิรูป หากเห็นตรงกันก็ไม่มีปัญหาจบด้วยดี

ถือเป็นจังหวะเวลา พรรคก้าวไกลเป็นห่วงเรื่องปฏิรูป แม้ตนเองเป็นคนเก่าอายุมากแต่คิดเห็นตรงกัน ส่วนพรรคเพื่อไทยเป็นห่วงเรื่องความอาวุโสของประธานสภาฯ อาจควบคุมการประชุมสภาฯ ไม่ราบรื่น ทุกอย่างมาจบที่ตนเอง ทำให้ความห่วงใยของสองฝ่ายดำเนินไปได้

ทั้งนี้ก่อนการโหวตเลือกประธานสภาฯ เมื่อวานนี้ มีโอกาสเจอ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ ท่านสนับสนุนและยินดี ได้เจอกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทุกคนยินดีต้องช่วยกันทำงาน รู้สึกดีใจที่ตอนเสนอชื่อประธานสภาฯ ไม่มีใครเสนอชื่ออื่น เพื่อให้เกิดความรู้สึกต่อสู้กัน เป็นบรรยากาศที่ดี เชื่อว่ารัฐสภาแม้จะมีหลายพรรคการเมืองแต่อยู่ในประเทศเดียวกัน หากน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้ในจิตใจ พวกเราทั้งหมดเป็นตัวแทนของประชาชน ต้องทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ บ้านเมืองจะดำเนินไปด้วยดี

ส่วนที่นายวิทยา แก้มภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งคำถามว่าตนเองยังดูเป็นคนของพรรคเพื่อไทยนั้น ตนเองเคยเป็นสมาชิกและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ เพราะฉะนั้นเป็นคนจากหลายพรรค เป็นคนของประชาชน แม้วันนี้จะลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาชาติหลังได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานสภาฯ

ขอยืนยันว่า เมื่อตนเองทำหน้าที่เป็นประธานสภาฯ จะวางตัวเป็นกลางเพื่อชาติบ้านเมือง ถ้าไม่สามารถทำตามที่แถลงไว้กับสภาฯ ประชาชนจะต่อว่าได้ เรามุ่งหวังทำงาน ความรู้สึกเป็นพรรคนั้นพรรคนี้หายไปจากความคิดแล้ว แม้แต่พรรคประชาชาติของตนเองก็จะไม่คิดถึง ต้องให้คนที่ทำหน้าที่ทำแทนต่อไป

สำหรับความท้าทายของการทำหน้าที่ประธานสภาฯ ทั้งการเสนอกฎหมายต่าง ๆ โดยเฉพาะการแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ซึ่งแตกต่างจากนโยบายของพรรคประชาชาติ แม้ว่าจะมีความท้าทายมากน้อยแค่ไหน ต้องทำงานด้วยความโปร่งใส ชัดเจน ทำให้เป้าหมายของฝ่ายนิติบัญญัติสำเร็จให้ได้ คือการผลักดันกฎหมาย กฎหมายต่าง ๆ จะผ่านหรือไม่ผ่าน ขึ้นอยู่กับกระบวนการทำงานของสมาชิกสภา กรรมาธิการ และสมาชิกวุฒิสภา สภาฯ มีหน้าที่ทำตามตัวบทกฎหมายที่กำหนดว่า ต้องพิจารณากฎหมายตามขั้นตอน

“ผมอยากให้สภาชุดที่ 26 ทำงานด้วยประสิทธิภาพ มีความรวดเร็ว ไม่ให้งานกฎหมายช้า ญัตติต่าง ๆ ค้างเป็นจำนวนมาก ต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพ ต่างประเทศทำงานค่อนข้างรวดเร็ว เราก็ต้องศึกษาแล้วมาทำของเรา อยากให้ประชาชนมีความหวัง รัฐสภาเป็นของประชาชนทุกคน ภารกิจของท่านไม่ได้มีเพียงวันเลือกตั้ง ท่านสามารถติดตามเรา ส่งความเห็นติชมได้ ผมอยากให้สภาฯ ได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวทิ้งท้าย

วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร

Related Posts

Send this to a friend