POLITICS

พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกฯ

พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สุวัจน์ ลิปตพัลลภ – กรณ์ จาติกวณิช – เทวัญ ลิปตพัลลภ

วันนี้ (4 เม.ย. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ว่าการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค หลังจากที่เมื่อเช้าพรรคได้ยื่นสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 39 ท่าน และหัวหน้าพรรคจับได้เบอร์ 14 ที่ประชุมพรรควันนี้มีเรื่องที่สําคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ 

1.พิจารณาเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคชาติพัฒนากล้า 3 ท่านตามรัฐธรรมนูญกำหนดได้แก่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค นายกรณ์ จาติกวานิช หัวหน้าพรรค และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค

นายสุวัจน์ กล่าวว่าแคนดิเดตนายกนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง ซึ่งก็ได้พิจารณาแล้วว่า 3 ท่าน เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมและมีตําแหน่งที่สําคัญอยู่ในพรรค ดังนั้น เมื่อที่ประชุมมีมติดังกล่าว ในวันพรุ่งนี้พรรคจะนํารายชื่อไปยื่นกับ กกต.ต่อไป

2.เรื่องการจัดลำดับแบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ เนื่องจากพรรคชาติพัฒนากล้าไม่ได้เป็นพรรคใหญ่มาก ฉะนั้น ลําดับที่นั่งตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญจะได้ไม่เยอะ โดยเฉพาะเป็นบัตรสองใบ ขณะเดียวกันเราจะต้องสร้างคนรุ่นใหม่ สร้างอนาคตของประเทศที่จะมาช่วยบริหารพรรค ฉะนั้น เราจะมีการทํางานหลายระดับ คือ ใครเป็น ส.ส. ในสภา ใครจะบริหารบ้านเมืองก็หมายความว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่างๆ เราพยายามที่จะดูจากประสบการณ์ของพวกเรา ซึ่งจะเห็นได้ว่าในชาติพัฒนากล้าครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มเยอะ มีผู้อาวุโสอยู่ท่านเดียวนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ซึ่งอยู่ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ เป็นผู้อาวุโสที่อย่างน้อยก็ค่อยบอกเด็กๆ ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ 

ฉะนั้น เราจะมีคนหนุ่ม คนสาวที่อยากจะผลักดันคนตรงนี้มาเป็นปากเป็นเสียงไปทํางานในสภา ผมและคุณกรณ์ ก็จะมาอยู่ที่แคนดิเดตนายกฯ ดูในเรื่องของการบริหารถ้าเราเข้าไปมีส่วนในการบริหารประเทศส่วนท่านเลขาพรรคก็ดูเป็นแม่บ้าน ลงเขตเลือกตั้ง รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์จะเห็นคนรุ่นใหม่อย่าง อรรถวิชช์สุวรรณภักดี, อรัญ พันธุมจินดา, วรวุฒิ อุ่นใจ, เยาวภา บุรพลชัย, อัครวรรณ เจริญผล, อดุลย์ เลาหพล, เอราวัณ ทับพลี, ยุทธนา วิริยะกิติ และ บุษรา เสนะวีณิน 

“วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ถ้าพี่น้องประชาชนตัดสินมาอย่างไรผ่านผลการเลือกตั้งเราก็จะอยู่บนพื้นฐานว่าเรามีความจําเป็นต้องมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ รัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานส่วนหนึ่งที่ทําให้การทํางานในการแก้ไขต่างๆ เรียบร้อย” นายสุวัจน์ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend