POLITICS

‘ก้าวไกล’ ถกงบกลาโหม ตั้งข้อสงสัยงบบุคลากรเพิ่มขึ้นทุกปี สวนทางนโยบายของ

‘ก้าวไกล’ ถกงบความมั่นคงกระทรวงกลาโหม ตั้งข้อสงสัยงบเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะงบประมาณรายจ่ายบุคลากร สวนทางกับคำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดกำลังพล

วันนี้ (4 ม.ค. 66) นายเอกราช อุดมอำนวย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยกล่าวถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับนโยบายการปฏิรูปกองทัพของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และนโยบายที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคยแถลง ณ อาคารรัฐสภา

นายเอกราช ยกตัวอย่างนโยบายปฏิรูปกองทัพของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา กล่าวว่า ภาพรวมดูแล้วเหมือนจะเห็นปัญหาไม่ต่างจากพรรคก้าวไกลและประชาชนมอง จากคำแถลงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ให้ไว้ต่อสภาฯ ระบุว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารให้เป็นแบบสร้างสรรค์ ลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง ปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้างให้ทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และนำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น ด้านการเกษตร ระบบโครงสร้างพื้นฐาน หรือระบบสาธารณูปโภค

แต่วันนี้ที่เห็นการตั้งงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ทำให้ตั้งคำถามว่าจะเห็นกระทรวงกลาโหมรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยได้หรือไม่ และจากที่พรรคเพื่อไทยเคยกล่าวไว้ว่า ต้องการแก้ไขนโยบายปฏิรูปกองทัพ โดยปฏิรูปกองทัพเป็นทหารมืออาชีพ แก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหารให้เข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ เสนอกฎหมายป้องกันต่อต้านการรัฐประหาร และป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงทางการเมือง

นายเอกราช เผยว่า จากที่ได้เห็นแผนร่างการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ในภาพรวมที่กระทรวงกลาโหมขอรับการจัดสรรงบประมาณเกือบ 1.98 แสนล้านบาท ในปี 67 ซึ่งเป็นงบประมาณที่เพิ่มขึ้นกว่า 3.8 พันล้านบาท โดยการจัดสรรงบประมาณในด้านต่างๆ มีมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในทุกปี โดยเฉพาะงบประมาณรายจ่ายบุคลากร ซึ่งสวนทางกับคำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดกำลังพล เนื่องจากมีแผนประมาณการรายจ่ายบุคลากรล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่ากองทัพของกลาโหมกำลังขยายขนาดหรือไม่

นายเอกราช ย้ำว่า งบประมานกระทรวงกลาโหมส่วนใหญ่หมดไปกับบุคลากรภาครัฐ 55% กองทัพบกใช้งบประมาณถึง 64% ของงบประมาณกองทัพบก ในขณะที่งบบุคลากรที่สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 30 % เท่านั้น ซึ่งเมื่อดูแบบละเอียดถึงงบประมาณบุคลากรยังซ่อนรูปอยู่ในงบประมาณอื่น ที่ใช้กับทหารกองประจำการ ทั้งค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอาภรณ์เครื่องแต่งกาย ค่าใช้จ่ายในการเรียกเกณฑ์และปลดปล่อยกำลังพล เมื่อรวมค่าตอบแทนทหารกองประจำการงบประมาณจะสูงถึง 14,000 ล้านบาท

“แต่ทหารกองประจำการก็ส่งเสียงมาว่า จะจัดซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ประกอบเลี้ยงพวกเขา ก็ซื้อของที่ดีมีคุณภาพหน่อย ไม่ใช่เอาของจับฉ่ายมาให้ ทหารกองประจำการเขาอยากไปยึดสมรภูมิแต่กลับถูกยึดบัตรเอทีเอ็ม นายสุทินท่านทราบปัญหานี้หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ แล้วใครจะอยากมาเป็นทหาร ใครจะอยากถูกยึดบัตรเอทีเอ็ม ถูกหักคิวเบี้ยเลี้ยง” นายเอกราช กล่าว

นายเอกราช ยังกล่าวถึงนายสุทิน คลังแสง ในฐานะผู้บริหารกระทรวงกลาโหมว่า ต้องมีการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดที่นำไปสู่เป้าหมาย เพื่อให้สามารถวัดผลการทำงานและบรรลุผลในอีก 4 ปีข้างหน้าได้ พร้อมเสนอว่าควรชี้ให้ชัดว่าต้องการทหารกองประจำการเท่าไหร่กันแน่ มีผู้สมัครจริงเท่าไหร่ แล้วต้องบังคับเกณฑ์อีกเท่าไหร่ ในฐานะผู้บริหารกระทรวง ถ้าไม่ตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัด จะวัดผลได้อย่างไร ประชาชนที่เขารอยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เขาจะได้รู้ว่ายกเลิกเกณฑ์ทหารกี่โมง

ในส่วนงบประมาณวงเงินราชการลับ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่ได้มีการยกเลิก นายเอกราช กล่าวว่า อดสงสัยและเคลือบแคลงใจถึงงบประมาณลับของกระทรวงการกลาโหมว่าทำไมยังเท่ากันทุกปี อัตราการเบิกจ่ายรวดเร็ว ครบถ้วน 100% สส.พรรคเพื่อไทยก็อภิปรายกันอย่างดุเดือด นายสุทินจะทำอย่างไร ตนเองไม่มั่นใจว่าภายใต้อำนาจทางการเมืองที่ทหารมีในขณะนี้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจะต้องเจอกับอะไรบ้าง จะยืนยันว่างบลับคือช่องทางให้ลาภอย่างลับๆ ของนายทหารผู้มีอำนาจหรือไม่

นายเอกราช ยังกล่าวถึงพื้นที่ EEC ว่า โครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นสนามบินพาณิชย์ กองทัพเรือไปกู้เงินจากต่างประเทศมาสร้าง ตั้งคำถามว่ากู้มาสร้างได้อย่างไร กองทัพเรือเกี่ยวข้องอะไร เพราะไม่ใช่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง แบบนี้หวังเงินทอนหรือไม่ เป็นการยัดไส้หรือไม่

“วันนี้ท่านสุทินได้เป็นรัฐบาลสมใจแล้ว มานั่งบริหารคุมกระทรวงกลาโหมเอง ไฉนวันนี้ท่านมีท่าทีเปลี่ยนไป หรือว่าท่านมีมือที่มองไม่เห็นคุมท่านอยู่ แต่ผมเชื่อว่าท่านคงมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่เป็นหุ่นเชิดให้ใคร ผมอยากให้ท่านแสวงหาจุดร่วมที่ชัดเจนก่อนว่าจะเอาอย่างไรกับนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน กลาโหมที่อยู่ภายใต้พลเอกประยุทธ์ในวันนั้น สู่สุทิน คลังแสง ในวันนี้ มีอะไรที่เป็นความหวังได้บ้าง เท่าที่ดูมา ท่านสุทินลอกการบ้านพลเอกประยุทธ์มาหรือไม่ ผมไม่สามารถเห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัตินี้ได้” นายเอกราช กล่าว

Related Posts

Send this to a friend