POLITICS

‘เศรษฐา’ นำประชุม คกก.ซอฟต์พาวเวอร์ เอาจริงตั้งเป้าหมายระยะสั้น-กลาง-ยาว

‘เศรษฐา’ นำประชุม คกก.ซอฟต์พาวเวอร์ เอาจริงตั้งเป้าหมายระยะสั้น-กลาง-ยาว ให้กรรมการนำเสนอแผนแต่ละด้าน ตัวจริงภาคเอกชน ‘เชพชุมพล-ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี-นิค Genies Record’ ร่วมเสนอความเห็น เล็งจัด Winter Festival สิ้นปีอย่างยิ่งใหญ่กลางกรุงเทพฯ

วันนี้ (3 ต.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566​ กล่าวว่า​ ขอขอบคุณสำหรับรอยยิ้มการต้อนรับที่อบอุ่น ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาหากันมาประชุมครั้งนี้ เป็นความร่วมกันระหว่างส่วนราชการภาคเอกชน​ และผู้ทรงคุณวุฒิ​ เพื่อพิจารณาและการขับเคลื่อนซอฟท์พาวเวอร์​ของประเทศไทยอย่างบูรณาการ รัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายให้ความสำคัญกับการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์​ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เน้นย้ำว่า แบบต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า และบริการ พร้อมเดินเครื่องเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ ส่งเสริมภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นของประเทศไทยในเวทีโลก

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปัจจุบันมีคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการผลักดันซอฟท์พาวเวอร์ของไทยหลายครั้ง นโยบายส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยหลายคณะ มีความคาบเกี่ยว โดยต้องมีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น รัฐบาลจึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ​ มีเป้าหมายผ่านคอนเทนต์​ 11 อุตสาหกรรม​ซอฟต์พาวเวอร์

ด้าน น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร ในฐานะรองประธานคณะกรรมการฯ ได้นำเสนอแผนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ มุ่งหมายสร้างระบบนิเวศให้กับอุตสาหกรรมของประเทศไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยแรงงานทักษะสูง และอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ในสาขาต่างๆ และการฑูตเชิงวัฒนธรรม​ เพื่อพัฒนาศักยภาพของวัฒนธรรมและคนไทย​ ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนที่เต็มที่จากไปได้ไกลอย่างแน่นอน ซึ่งนโยบายนี้และนโยบายอื่นของเราจะต้องทำควบคู่ไปด้วยกัน

โดยจะมุ่งยกระดับคุณภาพยกระดับทักษะของคนไทยจำนวน 20 ล้านคน ที่เป็นแรงงานในปัจจุบันให้เป็นแรงงานที่มีทักษะสูง และเป็นแรงงานสร้างสรรค์ โดยจากการคัดสรรหาสามารถดำเนินการนโยบายได้สำเร็จจะมีรายได้เข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาทต่อปี นอกจากนี้จะได้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นหนึ่งในผู้นำของประเทศของโลกในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ​ เพื่อที่จะให้การดำเนินการของนโยบายนี้บรรลุวัตถุประสงค์แบ่งวัตถุการทำงานเป็น 3 ขั้นตอน คือขั้นตอนการพัฒนาคน เฟ้นหาบุคคลเพื่อมาพัฒนาเป็นแรงแรงฝีมือ​ พัฒนาแรงงานอุตสาหกรรมซัพพลายเออร์ต่างๆในประเทศ 11 สาขา ประกอบด้วย อาหาร กีฬา Festival ท่องเที่ยว​ ดนตรี​ หนังสือ​ ภาพยนตร์​ เกม​ ศิลปะ​ การออกแบบ​ และแฟชั่น​ โดยจะมีการปรับแก้ข้อกฎหมายที่มีอยู่มานานแต่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ สนับสนุนเงินทุนวิจัยและพัฒนาสร้างแรงจูงใจทางภาษี​ พร้อมกับเพิ่มพื้นที่การแสดงผลงานอย่างไร้ขีดจำกัด

นอกจากนี้ยังสร้างพื้นฐานชุมชนจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือ TCDC ในทุกจังหวัด ให้มี Co working Space ต่อยอดเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มั่นคงในระดับภูมิภาค​ และให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ระดับสากล

โดยเป้าหมายระยะสั้น 100 วันแรกภายในวันที่ 11 มกราคม 2567 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจะพร้อมให้ประชาชนลงทะเบียน ความสนใจในด้านต่างๆ​ เปลี่ยนแปลงกฎหมายต่างๆ และพระราชกฤษฎีกา ส่งเสริมสอดคล้องกับนโยบาย รวมไปถึงร่วมจัด Winter Festival ในกรุงเทพฯ ครั้งยิ่งใหญ่

โดยภายในเวลา 6 เดือน วันที่ 3 เมษายน​ 2567 จะเริ่มกระบวนการบ่มเพาะศักยภาพ ทักษะสร้างสรรค์ พร้อมเสนอพระราชบัญญัติ THACCA หรือ Thailand Creative Content Agency สู่สภาผู้แทนราษฎรและจัดงานสงกรานต์ทั้งประเทศ ให้เป็นเทศกาลระดับโลกหรือ World Water Festival

ภายในระยะเวลา 1 ปี วันที่ 3 ตุลาคม 2567 กระบวนการบ่มเพาะศักยภาพควรจะสามารถสร้างรายงานทักษะสูงและแรงงานสร้างสรรค์ได้เป็นจำนวนอย่างน้อย 1 ล้านคน โดยคาดหมายว่าพระราชบัญญัติ THACCA จะได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป

โดยในช่วงท้าย แพทองธาร​ ระบุว่า เชื่อได้ว่าประเทศไทยจะมีชื่อเสียงกว้างไกลไปถึงระดับโลกความสำเร็จนี้จะเป็นสัดส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ กระตุ้น 20 ล้านครอบครัวให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และทำให้ประเทศของเรากลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูง

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ให้คณะกรรมการฯ ที่มาจากด้านต่างๆ ได้นำเสนอแผนงาน ทั้งด้านอาหาร กีฬา Festival ท่องเที่ยว​ ดนตรี​ หนังสือ​ ภาพยนตร์​ เกม​ ศิลปะ​ การออกแบบ​ และแฟชั่น คนละ 5 นาที เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะสั้น กลาง และยาว ตามยุทธศาสตร์ด้วย

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat