POLITICS

‘ภราดร’ กดดันประธานสภาฯ เร่งบรรจุวาระเลือกนายกฯ 5 ก.ย. ตำหนิ ‘ฉลาด’ เข้าข้าง ‘เพื่อไทย‘

‘ภราดร‘ กดดันประธานสภาฯ เร่งบรรจุวาระเลือกนายกฯ 5 ก.ย. ตำหนิ ‘ฉลาด’ เข้าข้าง ‘เพื่อไทย‘ หลังอ้างปมแต่งตั้งตุลาการศาล รธน. -ยุบสภา ชี้ไม่สมควรประกาศต่อสาธารณะ หวัง ‘วันนอร์‘ บรรจุเป็นวาระด่วน เลือกนายกฯ ศุกร์นี้

วันนี้ (3 ก.ย. 68) เวลา 15.40 น. นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย และ นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิป 2 ฝ่าย)

นายภราดร ระบุว่าที่นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานในที่ประชุม ได้แถลงข้อสรุปโดยที่ไม่มีข้อสรุปนั้น ตนเองขอตำหนิการทำหน้าที่นายฉลาด ที่ได้ปฏิญาณตนไว้ว่าจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง แต่ท่านทำหน้าที่เข้าข้างพรรคการเมืองที่ท่านสังกัด

พรรคภูมิใจไทยเห็นว่า เมื่อเช้าพรรคประชาชนได้แถลงการณ์อย่างชัดเจนว่าพรรคมีมติอย่างไร และช่วงสายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้เซ็น MOA กับพรรคประชาชนเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นตนเองในฐานะ สส.ได้ยื่นหนังสือให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ตามกติกามารยาท เนื่องจากขณะนี้ตนเองได้รวบรวมเสียงเพียงพอสามารถเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 ก.ย.นี้ได้

แต่ในที่ประชุมวิป 2 ฝ่าย สิ่งที่ปรากฏคือ พรรคเพื่อไทยได้ยก 2 เหตุผล เหตุผลแรกคือ วันประกาศแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยปรากฏเป็นข่าวว่ามีการประกาศ ณ วันที่ 29 ส.ค.68 ซึ่งตรงกับวันที่มีคำวินิจฉัยในคดีของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันมีการประกาศแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในราชกิจจานุเบกษาเป็นหลักฐานที่ทุกฝ่ายยอมรับแล้ว ลงวันที่ 30 ส.ค.68 อย่างไรก็ดีพรรคเพื่อไทยได้รวม 20 รายชื่อเสนอประธานสภาฯ เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีดังกล่าวแล้ว พรรคเพื่อไทยอ้างว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญว่า จะมีการวินิจฉัยหรือไม่ หรือจะรับวินิจฉัยหรือไม่ จึงอ้างว่าไม่สามารถที่จะเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 ก.ย.นี้ได้

อีกหนึ่งเหตุผลคือ การยุบสภา ที่ได้ประกาศยุบสภาต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ในประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมา ไม่เคยมีเหตุการณ์ประกาศยุบสภาต่อหน้าสาธารณชน เพราะอำนาจยุบสภาเป็นอำนาจขององค์พระพระมหากษัตริย์ พรรคเพื่อไทยยก 2 เหตุผลนี้มาอ้างในที่ประชุม ตนเองและนางสาวแนน ทักท้วงว่าการประชุมในวันนี้ ส่งหนังสือเชิญประชุมในวาระการพิจารณาบรรจุวาระการเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 ก.ย.นี้หรือไม่ แต่ในที่ประชุมไม่มีการพูดถึง กลับยกสองเรื่องนี้มากล่าวอ้าง

ตนเองได้มีการแสดงเหตุผลว่า ฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีหน้าที่จะต้องไปรอคำวินิจฉัยของฝ่ายตุลาการ ฝ่ายตุลาการจะมีคำวินิจฉัยอย่างไรก็เป็นบทบาทหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ หรือฝ่ายบริหารจะมีความคิดเห็นยุบสภาก็เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติคือ การดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ เมื่อนายกฯ มีอันเป็นไปแล้ว สภาฯจำเป็นต้องเลือกนายกฯ โดยด่วน เมื่อทุกอย่างพร้อมหมดแล้วก็ควรที่จะดำเนินการตามข้อบังคับ “เข้าตามตรอก ออกตามประตู”

ทั้งนี้ประธานสภาฯ สามารถบรรจุวาระการนายกฯ เข้าในระเบียบวาระเร่งด่วนเพื่อให้สภาฯ ได้มีการประชุมได้ แต่ที่ประชุมกลับมีข้อสรุปและนำข้อเสนอทั้งสองฝ่ายไปแจ้งต่อประธานสภาฯ ขึ้นอยู่กับว่าประธานสภาฯ จะให้ความสำคัญกับองค์กรนิติบัญญัติหรือไม่ หรือจะเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติอย่างไร ยืนยันชัดเจนว่าสามอำนาจต้องแยกกัน ฝ่ายบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติก็ต้องทำหน้าที่ของแต่ละคน แบ่งแยกกันชัดเจน

นายภราดร หวังว่าประธานสภาฯ จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติอย่างตรงไปตรงมา และฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญในการเลือกนายกฯ คนใหม่โดยเร็ว ฉะนั้นคาดหวังว่าประธานจะเร่งบรรจุระเบียบวาระ มั่นใจว่าประธานสภาฯ จะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง

Related Posts

Send this to a friend